เหยื่อความรุนแรง ยันดำเนินคดีถึงที่สุดอดีตคนรักตีนโหด

ฉะเชิงเทรา – เหยื่อความรุนแรง ในครอบครัว ยันดำเนินคดีถึงที่สุดต่ออดีตแฟนโหด เหยียบคอกระทืบหน้า เชื่อมีการไตร่ตรองไว้ก่อนล่วงหน้า เผยบอบช้ำมากในขณะนี้ หลังมีสื่อบางสำนักนำข่าวไปเผยแพร่ต่อบิดเบือนอาชีพเป็นสถานบริการร้านนวด ยันธุรกิจเป็นคลินิกแพทย์แผนไทยที่ได้รับการจดทะเบียนอย่างถูกต้องจากทางราชการ

วันที่ 3 ธ.ค.61 ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานงานจากน้องสาวของ น.ส.นิ่ม (นามสมมุติ) สาววัย 32 ปี ที่ถูกอดีตคนรักทำร้ายร่างกาย ใช้เท้าเหยียบคอกระทืบใบหน้า และตบตีจนได้รับบาดเจ็บ มีบาดแผลแตกที่เหนือคิ้วซ้ายจนแพทย์ต้องเย็บบาดแผลถึง 6 เข็ม และมีอาการฟกช้ำไปทั่วร่างกาย เหตุการณ์เกิดขึ้นที่บริเวณด้านหน้าคลินิกแพทย์แผนไทยแห่งหนึ่งใน อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อเวลา 14.24 น. ของวันที่ 30 พ.ย.61 ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้นว่า

อยากจะให้สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวกันอย่างถูกต้องให้มากกว่านี้ หลังจากมีสื่อบางสำนักบางช่อง ได้นำข่าวไปแต่งเติมนำเสนอในทำนองว่าธุรกิจของพี่สาวนั้นเป็นสถานบริการร้านนวด ซึ่งข้อเท็จจริงธุรกิจของ น.ส.นิ่ม พี่สาวตนนั้น เป็นคลินิกแพทย์แผนไทยที่ได้รับการจดทะเบียนรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขอย่างถูกต้อง และให้เปิดทำการรักษาโรคทั่วไปได้ ไม่ใช่สถานบริการหรือร้านอบนวดอะไรในทำนองที่เสียหาย

ส่วนเรื่องทางคดีนั้น ขณะนี้ตำรวจได้ติดต่อไปยังฝ่ายคู่กรณีแล้ว และได้นัดหมายที่จะเข้ามาให้ปากคำต่อตำรวจ ซึ่งขณะนี้เขาขอเวลาในการเตรียมตัวก่อน หากเขาไม่ยอมเข้ามาพบพนักงานสอบสวนตามนัด เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะมีการขอหมายจับต่อไป น้องสาวของ น.ส.นิ่มระบุ

ขณะเดียวกัน น.ส.นิ่ม ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังก่อนหน้านี้ว่า ในวันเกิดเหตุนั้น เหตุการณ์เกิดขึ้นจากเรื่องเพียงเล็กๆ น้อยๆ ภายในครัว ที่มีการวางเก็บถ้วยชามในครัวไม่เรียบร้อย เขาจึงขว้างปาถ้วยชามใส่ เนื่องจากเขาเป็นคนอารมณ์ร้อน จากนั้นเขาจึงเดินไปขึ้นรถเพื่อที่จะออกไปข้างนอก ขณะนั้นตนเองเห็นว่าเขาโกรธจึงพยายามที่จะเข้าไปพูดคุยกับเขาดีๆ

โดยพยายามที่จะไปแตะจับมือเขาเพื่อให้เขาใจเย็นลง พร้อมกับบอกไปว่า “เดี๋ยวงานจะเสียนะ เพราะมีงานด้านเอกสารเกี่ยวทางการเมืองที่จะต้องทำ” แต่เขากลับสะบัดมือออก และทำท่าง้างมือที่จะตบตีใส่ ก่อนที่จะมีการพยายามสนทนาสอบถามเขาไปว่า เราได้เป็นแฟนกันไหม แต่เขากลับบอกว่าไม่ใช่ และยังด่าว่าด้วยคำที่ไม่สุภาพ ในขณะที่ตนเข้าไปนั่งอยู่ในรถของเขา

ตนจึงถามเขากลับไปว่า ตนนั้นเป็นอะไรกับเขา ใช่แฟนกันหรือไม่ถ้าไม่ได้เป็นอะไรกันจะยังไง ซึ่งตนถามไปถึง 3 ครั้ง ก่อนที่เขาจะตอบกลับมาว่าไม่ได้เป็น ตนจึงได้ตั้งสติและบอกเขากลับไปว่ารถคันนี้ตนเองก็ช่วยจ่ายผ่อนค่างวดไปด้วยเหมือนกัน เพราะเป็นเงินจากน้ำพักน้ำแรงที่ช่วยกันจ่ายมา ก่อนที่ตนจะไปคว้าเอาลูกกุญแจรถเพื่อดึงออก จนกุญแจรถหัก

จากนั้นเขาได้กำเอาอุปกรณ์ล็อกรถมาฟาดที่ใบหน้าตน และต่อยซ้ำแบบไม่ยั้ง ตนจึงจับมือเขาไว้และพยายามใช้มือกันเวลาเขาทุบมา ซึ่งไม่ทราบว่าขณะกำลังชุลมุนกันอยู่นั้นมือของตนได้ไปกระแทกโดนเขาบ้างหรือไม่ ก่อนที่เขาจะดึงขาของเราไว้ โดยมีเพื่อนบ้านพยายามที่จะเข้ามาช่วยแต่ก็ช่วยไม่ไหว พอตนเองไถลลงมาจากรถ เขาก็ข้ามช่องกลางตัวรถออกมาจากฝั่งคนขับ และเหยียบที่หน้าอก ไหปลาร้า และใช้เท้าถีบที่แก้มใต้ปลายคางทั้งสองข้าง

ที่ผ่านมาหลังจากอยู่ร่วมกันมาตั้งแต่เมื่อเดือน ก.พ.61 เคยทะเลาะวิวาทกันมาแล้วถึง 4 ครั้ง โดยครั้งนี้ถือว่ารุนแรงมากที่สุด โดยเมื่อครั้งที่สามเขาเคยตบหน้าตบปากอยู่ในรถ เมื่อครั้งที่สองเขาเคยบีบคอจนหายใจแทบไม่ออกถึง 4 ครั้ง โดยเขาบีบคอยกขึ้นจนขาลอยจากพื้นและบีบคอจับกดลงบนที่นอน ซึ่งเป็นในช่วงเวลากลางคืนที่ไม่มีใครรู้เห็นหรือเข้ามาช่วยเหลือได้ ทั้งที่เพื่อนข้างบ้านยังเคยได้ยินเสียง ส่วนในครั้งแรกที่เขาใช้ความรุนแรงนั้น เขาผลักและใช้เท้าถีบก่อนตบหน้า

ที่ผ่านมาในอดีตเขาเคยเล่าบอกว่าอดีตภรรยาของเขานั้นเคยไล่เขาแบบหมูแบบสุนัขออกจากบ้าน เขาไม่มีอะไรมาเขามาแต่ตัว แต่เขามีความสามารถในด้านการรักษาโรค ทางการแพทย์แผนไทยในการปรับจัดกระดูก และมีประสบการณ์เคยไปประกอบอาชีพมามากมายหลายแห่งในหลายจังหวัด ก่อนที่จะไปอยู่ที่ จ.ภูเก็ต และ จ.ชลบุรี จากนั้นจึงมาอยู่กับตนที่นี่ โดยเขามีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.พิษณุโลก

ในส่วนทางคดีนั้น ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการจนถึงที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ เนื่องจากการทำร้ายร่างกายในครั้งนี้ ถือว่าได้มีการไตร่ตรองเตรียมการเอาไว้ก่อน เนื่องจากที่ผ่านมานั้น เขาเคยพูดบ่อยครั้ง ว่าเดี๋ยวจะตบจะถีบจะต่อย และยังเคยข่มขู่บอกว่าจะยิงอีกด้วย เพราะเขามีปืนของเขาอยู่ในบ้าน ซึ่งเขาสามารถที่จะพยายามฆ่าตนได้เลย เขาพูดในขณะที่เขามีสติครบถ้วนทุกอย่าง ไม่ได้เมาสุราแต่อย่างใด น.ส.นิ่ม กล่าว