ฉะเชิงเทรา – ชาวบ้านงง รัฐเอกชนวุ่นวายกับการซื้อยาต้านไวรัสโควิด 19 ฝากถามสั่งมาให้ใครใช้ ระบุเคยป่วยโควิด 19 เมื่อช่วงปลายเดือนก่อน หลัง ครม.อนุมัติเงินกู้ 4 พันล้านบาทให้ สธ. แต่สถานพยาบาลรัฐกลับจ่ายเพียงยาแก้ปวดลดไข้ แพ้อากาศ และยาแก้ไอมาให้เพียง 3 ชนิดเท่านั้น ทำนอนซมปวดเมื่อยตัวนานถึง 5 วัน ชี้รอดมาได้ด้วยยาสมุนไพรไทยพื้นบ้าน “ฟ้าทะลายโจร” วอนลุงตู่มุ่งเป้าใช้เงินแก้ปัญหาปากท้องลดค่าครองชีพ และพลังงานสำคัญที่สุด
วันที่ 9 ส.ค.65 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากผู้ป่วยโควิด 19 ที่เพิ่งหายจากอาการเมื่อช่วงปลายเดือน ก.ค.65 ที่ผ่านมาว่า สามารถรอดพ้นวิกฤตจากอาการป่วย โดยมีอาการปวดเมื่อยตัวและมีไข้ จนต้องนอนซมอยู่กับบ้านมาเป็นเวลา 5 วัน ก่อนที่อาการป่วยจะหายไป หลังจากได้ใช้ยาสมุนไพรพื้นบ้านฟ้าทะลายโจรอย่างต่อเนื่องระหว่างเกิดอาการเป็นเวลา 5 วัน เนื่องจากหลังบุคคลในครอบครัวตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด 19
จึงได้เดินทางเข้าไปให้เจ้าหน้าที่ใน รพ.ของรัฐ ในเขตตัวเมืองฉะเชิงเทรา ทำการตรวจหาเชื้อด้วยชุดตรวจ ATK ปรากฏว่ามีผลออกมาเป็นบวกด้วยเช่นเดียวกัน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการซักประวัติและอาการ ก่อนที่จะจ่ายยามาให้เพียงจำนวน 3 ชนิด คือ ยาพาราเซตามอล ยาแก้ไอ และยาแก้แพ้อากาศ เท่านั้น โดยที่ไม่ได้มียาใดๆ ที่มีฤทธิในการต่อต้านเชื้อไวรัส หรือรักษาอาการป่วยจากเชื้อโควิด 19 เลย
และยังได้ให้เดินทางกลับไปพักรักษาตัวยังที่บ้านพัก เนื่องจากหลังการตรวจพบเชื้อแล้วยังไม่มีอาการอะไรปรากฎออกมาให้เห็นมากนัก แต่หลังจากหยุดพักอยู่กับบ้านได้เพียง 1-2 วัน ได้เริ่มมีอาการไข้ขึ้น และมีอาการปวดเมื่อยเนื้อตัวอย่างมาก จนต้องนอนซมอยู่กับบ้านเป็นเวลา 5 วัน ซึ่งหลังจากปรากฎว่ามีอาการไข้ขึ้นและปวดเมื่อยตัว ได้ใช้ยาสมุนไพรพื้นบ้านมารับประทาน คือ ฟ้าทะลายโจร จนอาการดีขึ้นและหายไปในที่สุด
จึงเกิดความสงสัยว่า ตามที่ ครม.ได้มีมติเห็นชอบให้ใช้เงินตาม พ.ร.ก.เงินกู้เพิ่มเติมในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข 3,995 ล้านบาท เพื่อซื้อยาฟาวิพิราเวียร์ โมนูลพิราเวียร์ และชุดตรวจ ATK นั้นอนุมัติซื้อมาให้ใครใช้ หรือนำมาใช้กับใคร ในเมื่อประชาชนเจ็บป่วยด้วยโรคโควิด 19 แล้วไม่ได้รับการจ่ายยาที่สั่งซื้อมา รวมทั้งชุดตรวจ ATK ประชาชนก็ยังต้องซื้อเอง เนื่องจากทางโรงพยาบาลระบุว่า
เจ้าหน้าที่จะรับทำหน้าที่ตรวจให้เท่านั้น โดยให้ผู้ที่ต้องการจะตรวจหาเชื้อ ต้องไปหาซื้อชุดตรวจ ATK มาเอง โดยมีจำหน่ายภายในร้านค้าสหกรณ์ของทางโรงพยาบาล ในราคาชุดละ 55 บาท ทั้งที่เป็นผู้ป่วยในเขตการให้บริการทางการแพทย์ในการรักษา ตามสิทธิ์ของ สปสช. ซึ่งล่าสุดยังเห็นมีข่าวถึงความวุ่นวายเกี่ยวกับการปลดล็อกในการอนุญาตให้บริษัทเอกชนสามารถสั่งซื้อยา ฟาวิพิราเวียร์ โมลนูพิราเวียร์ เรมเดซิเวียร์ ได้เองแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 65 เป็นต้นไป
ซึ่งความวุ่นวายดังกล่าวที่ประชาชนเห็นนั้น เป็นเรื่องที่ประชาชนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้ จึงอยากฝากไปถึงยังรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้หันมามุ่งเป้าหรืออนุมัติเงินงบประมาณในการเข้ามาแก้ไขปัญหาชีวิตความเป็นอยู่และปากท้องของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญก่อนดีกว่า โดยเฉพาะเรื่องราคาพลังงาน ที่เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้สินค้าทุกชนิดขยับขึ้นราคา
