ฉะเชิงเทรา – พริตตี้ PR ร้านอาหารถูกรังแก ยกทัพบุกศาลากลางแปดริ้วร้องทุกข์ เผยถูกร้องเรียนจนร้านอาหารไม่มีคนเข้า ทั้งที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักมาจากสถานการณ์โควิด 19 ระบาดมานานกว่า 4 เดือนเต็ม แต่กลับถูกคนไทยด้วยกันเองโทรร้องเรียนกลั่นแกล้งให้เดือดร้อนซ้ำซาก ด้าน ผอ.ศูนย์ดำรงธรรม ลงรับหนังสือขอความเป็นธรรมที่เชิงบันไดทางขึ้นศูนย์ราชการ ขณะฝ่าย กอ.รมน.รับเป็นตัวกลางประสานหน่วยงานเข้าดูแลหาข้อเท็จจริง
วันที่ 17 พ.ย.63 เวลา 15.00 น. ที่บริเวณเชิงบันไดทางขึ้นศาลากลาง จ.ฉะเชิงเทรา หลังเก่า ได้มีกลุ่มพริตตี้ และพีอาร์ร้านอาหารจำนวนกว่า 10 คน เดินทางมารวมตัวกันเพื่อร้องทุกข์ไปถึงยัง นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อให้ส่งเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ไปดูแลปัญหา และพิสูจน์หาข้อเท็จจริง
หลังจากทางผู้ประกอบการร้านอาหารแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.บางวัว อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ถูกกลั่นแกล้ง โดยมีบุคคลรายหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของกิจการหอพัก โทรศัพท์ไปร้องเรียนยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเจ้าหน้าที่ตำรวจในทุกๆ ค่ำคืน ว่าทางร้านมีการแสดงดนตรีสดเสียงดัง จนทำให้ทางเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นโดยเทศบาลตำบลบางวัวคณารักษ์ ได้มีหนังสือคำสั่งที่ ฉช.54404/1346 ลงวันที่ 29 ต.ค.63 ขอให้หยุดประกอบกิจการประเภทที่ 9 (7) หรือ การจัดให้มีการแสดงดนตรีฯ
และหลังจากทางเทศบาลท้องถิ่นมีคำสั่งดังกล่าวออกมา ได้ส่งผลกระทบต่อพนักงานภายในร้านจำนวนกว่า 30 ชีวิต โดยเฉพาะกลุ่มพนักงานเชียร์อาหารและเครื่องดื่ม หรือสาวพริตตี้ พีอาร์ ที่ต่างได้รับผลกระทบเกิดความเดือดร้อนไปตามๆ กัน หลังจากทางร้านไม่มีการแสดงดนตรีสด จึงทำให้ไม่มีแขกหรือลูกค้าเข้ามาท่องเที่ยวภายในร้าน
โดย น.ส.วา (นามสมมุติ) อายุ 20 ปี ชาว อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี ซึ่งทำงานส่งตนเองเรียนอยู่ในระดับปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในภาคตะวันออก กล่าวว่า ตนทำงานอยู่ที่ร้านอาหารแห่งนี้มานานเกือบ 2 ปีแล้ว ที่ผ่านมาถือว่ามีรายได้เลี้ยงตนเองและเพียงพอในการใช้เรียนหนังสือได้โดยไม่เดือดร้อนต่อคนในครอบครัว แต่หลังจากเกิดสถานการณ์โควิดระบาด ร้านอาหารถูกสั่งปิดเป็นเวลานานถึงกว่า 4 เดือนเต็ม
ได้ทำให้ตนเองพร้อมเพื่อน พีอาร์ ด้วยกันในร้านได้รับผลกระทบอย่างหนักมานานแล้ว แต่หลังจากสถานการณ์โควิด 19 ผ่านพ้นไป ทางร้านอาหารสามารถเปิดกิจการได้ กลับมาถูกผู้ไม่หวังดีโทรศัพท์ไปร้องเรียนยังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อกลั่นแกล้งในทุกๆ คืน ว่าทางร้านมีการแสดงดนตรีเสียงดัง จนทางร้านไม่สามารถที่จะแสดงดนตรีสดได้มาเป็นเวลาเกือบ 2 เดือนแล้ว จึงทำให้มีลูกค้าลดลง
จากผลกระทบที่เกิดขึ้น ได้ทำให้ตนมีรายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย และขณะนี้ได้ดรอปการเรียนลงไปแล้ว เนื่องจากยังไม่มีเงินไปจ่ายค่าเทอม ทั้งที่ทางร้านไม่ได้เปิดเสียงดนตรีดังอะไรมากนัก และมีการปรับปรุงมาโดยตลอด หลังจากถูกผู้กลั่นแกล้งรายนี้ร้องเรียน ได้ทำการปิดกั้นร้านจนเป็นห้องมิดชิดแล้ว จากเดิมนั้นเคยเปิดเป็นร้านแบบเปิดโล่ง แต่ก็ยังคงถูกร้องเรียนไม่หยุด น.ส.วา กล่าว
ขณะที่ น.ส.วาย (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแบบเปิดแห่งหนึ่ง ย่าน ถ.รามคำแหง กทม. กล่าวว่า ตนเองมีภาระต้องจ่ายค่าห้องเช่า ค่าเทอม และยังต้องหาเงินส่งให้แก่ทางบ้านด้วย ได้รับผลกระทบมาตั้งแต่ช่วงที่โรคโควิด 19 ระบาด ทำให้ร้านอาหารประเภทที่มีดนตรีแสดงสดถูกสั่งปิดก่อนร้านอาหารประเภทอื่นๆ มานานถึงกว่า 4 เดือนเต็ม
โดยตนมีหน้าที่เชียร์เครื่องดื่ม และอาหารแก่ลูกค้า รวมถึงช่วยชงสุราและช่วยเสิร์ฟอาหารด้วย หากร้านเปิดไม่ได้ ยังไม่รู้จะไปทำอาชีพอะไรที่จะสามารถทำงานได้โดยที่ไม่กระทบหรือตรงกับเวลาที่จะต้องเรียน มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะไปหางานอื่นทำ เพื่อให้เวลาไม่ตรงกับเวลาที่ต้องเรียน จึงอยากให้หน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบ และมีความเป็นกลาง
มาทำการตรวจสอบถึงสาเหตุที่แท้จริงว่าเหตุใดบุคคลดังกล่าว จึงต้องการร้องเรียน หรือมาตรวจวัดค่าความดังของเสียงว่าดังเกินไปจริงหรือไม่ จึงอยากให้คนร้องเรียนและกล่าวหาว่าร้านเสียงดังรบกวนนั้น ช่วยฟังเหตุผลและนึกถึงใจเขาใจเราบ้าง เนื่องจากแต่ละคนนั้นย่อมมีภาระไม่เหมือนกัน ช่วยหันมามองความเดือดร้อนของพวกตนบ้าง โดยอยากให้เห็นใจกันบ้างเพราะตนนั้นก็มีภาระที่ต้องดูแลครอบครัว และต้องส่งเงินไปให้ทางบ้านด้วย น.ส.วาย กล่าว
ด้าน น.ส.วไลพรรณ ตันศิริธนภาคย์ อายุ 44 ปี เจ้าของร้าน กล่าวว่า ปกติร้านของตนจะเปิดให้บริการแก่ลูกค้าตั้งแต่เวลา 18.00 จนถึงเที่ยงคืน และไม่เคยเปิดให้บริการเกินกว่าเวลาที่กำหนด หลังจากถูกร้องเรียนจากผู้ร้องรายเดียวนี้ ได้ทำการปรับปรุงแก้ไขจากร้านที่เคยเปิดโล่งเป็นร้านแบบปิดแล้วก็ยังคงถูกร้องไม่หยุด และไม่มีจุดจบสิ้น
จึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่รับผิดชอบมาทำการตรวจพิสูจน์ นำเครื่องมือวัดมาทำการตรวจสอบว่าเสียงจากทางร้านของเราดังไปรบกวนหอพักของเขาซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปกว่า 300 เมตรจริงหรือไม่ และขอให้ทางเทศบาลท้องถิ่นรับฟังเหตุผลจากผู้ประกอบการบ้าง ไม่ใช่รับฟังแต่เฉพาะทางด้านฝ่ายของผู้ร้องแต่เพียงฝ่ายเดียว จึงเห็นว่าตนนั้นไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสิ่งที่เกิดขึ้น หลังจากถูกระงับใบอนุญาต น.ส.วไลพรรณ กล่าว
ขณะที่ นายวราห์ เขินประติยุทธ ผอ.ศูนย์ดำรงธรรม จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเดินทางลงมารับหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ที่บริเวณเชิงบันไดทางขึ้นศาลากลาง กล่าวว่า จะทำการตรวจสอบและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยจะได้ประสานไปยังหน่วยงานกระทรวงสาธารณะสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มีเครื่องมือตรวจวัด
ไปตรวจพิสูจน์ว่า เสียงดนตรีนั้นดังเกินกว่าค่ามาตรฐานหรือไม่ โดยขอยืนยันว่าศูนย์ดำรงธรรม จ.ฉะเชิงเทรา จะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย โดยจะทำให้รวดเร็วที่สุด เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของผู้ที่มาร้องขอความเป็นธรรมในวันนี้ นายวราห์ กล่าว
ส่วนด้าน พ.อ.ธานิน ธวัชศิลปะศร หน.กลุ่มงานบุคคลคล กอ.รมน.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ ได้รับปากว่า จะช่วยทำการติดต่อประสานงานไปยังหน่วยงานต่างๆ ให้เร่งเข้าไปตรวจพิสูจน์ข้อเท็จจริงโดยเร็ว ว่าผู้ร้องเรียนได้รับผลกระทบจากเสียงคนตรีจากทางร้านอาหารแห่งนี้ จริงหรือไม่ทั้งที่อยู่ห่างไกลมากถึงกว่า 300 เมตร พ.อ.ธานิน กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: