X
แจ้งความแล้ว

เหยื่อเงินกู้ดอกโหด ปูดถูกล่อลวงผ่านสื่อโซเชียล ก่อนติดบ่วงจนดิ้นไม่หลุด

ฉะเชิงเทรา – เหยื่อเงินกู้ดอกโหด ปูดถูกล่อลวงผ่านทางสื่อโซเชียลก่อนติดบ่วงจนดิ้นไม่หลุด สุดท้ายต้องหนีไปอยู่ต่างจังหวัดเพราะหวั่นไม่ปลอดภัย โอดนอกจากถูกขูดดอกเบี้ยในอัตราสูงแล้ว ยังมีการเรียกเก็บค่าดูแล ค่าค้ำท้าย และส่วนต่าง ที่ถูกหักก่อนจากยอดเงินต้น จนทำให้ได้รับเงินจริงๆ แค่เพียงน้อยนิด ทั้งยังถูกคุกคามข่มขู่ลามไปถึงคนในครอบครัวที่ไม่เกี่ยวข้อง เผยถูกนำภาพออกเผยแพร่ด่าประจาน และไล่ให้ไปขายบริการมาใช้หนี้

วันที่ 28 ก.ย.63 เวลา 13.57 น. ผู้เสียหายจากกรณีถูกล่อลวงให้เข้าร่วมกลุ่มแชร์เงินกู้ดอกเบี้ยโหด อัตราร้อยละ 20 ต่อ 5-7 วัน และคิดค่าปรับแบบรายชั่วโมงหากมีการส่งดอกล่าช้าในอัตราชั่วโมงละ 50 บาท และหากข้ามวันจะถูกคิดค่าปรับอีกในอัตรา 500 บาทต่อ ชม. ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ที่หลงเข้าไปติดบ่วงวงจรแชร์ดอกโหดนี้ยังเป็นเยาวชนหรือนักศึกษาที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ได้ทยอยเดินทางเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์เพิ่มเติมอีกรายแล้ววันนี้

สภ.เมืองฉะเชิงเทรา

โดยมี ร.ต.ท.ธีรวัต พรประสิทธิ์ รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้ทำการรับแจ้งความร้องทุกข์ และบันทึกปากคำสอบสวนดำเนินคดีในทางแพ่ง ส่วน ร.ต.ท.จเรศักดิ์ สุวรรณสนธิ์ ได้รับแจ้งความร้องทุกข์ไว้เป็นคดีอาญา เนื่องจากผู้เสียหายรายนี้นอกจากจะถูกเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดแล้ว ยังถูกข่มขู่คุกคาม บังคับข่มขืนใจด้วยการยึดทรัพย์สินไปจนได้รับความเสียหายและถูกทำร้ายร่างกาย ตลอดจนยังมีการชี้นำให้ไปขายบริการทางเพศมาใช้หนี้ด้วย

โดยหญิงสาววัยเพียง 19 ปี รายนี้เล่าว่า ตนเองได้ถูกชักชวนล่อลวงให้เข้าร่วมสู่วงแชร์เงินกู้ดอกเบี้ยโหดจากผู้ปล่อยเงินกู้รายเดียวกันกับกรณีที่ตกเป็นข่าวผ่านทางสื่อมวลชน หลังจากที่มีคลิปหญิงสาวซึ่งเป็นลูกหนี้ถูกบุกเข้าไปทำร้ายร่างกายและถูกข่มขู่จนถึงยังภายในห้องพัก จากนั้นยังได้ถูกนำออกมาเผยแพร่ผ่านทางสื่อโซเชียลเพื่อข่มขู่ลูกหนี้ จนมีผู้ปกครองของเหยื่อบางรายพบว่าบุตรชายตกเป็นเหยื่อ และทนไม่ไหวต่อการกระทำที่เกิดขึ้น จึงได้มีการพาเหยื่อเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน รวม 3 รายก่อนหน้านี้

ปูดอีกราย

โดยเธอบอกว่า ตนเองได้ตกเป็นเหยื่อด้วยเช่นกัน ตั้งแต่เมื่อเดือน เม.ย.63 ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นตนยังมีอายุเพียง 18 ปี แต่ได้ถูกชักชวนหว่านล้อมแบบคะยั้นคะยอผ่านทางสื่อเฟซบุ๊ก จนตนหลงเชื่อและเข้าไปเป็นเหยื่อ ทั้งที่ในขณะนั้นยังไม่ได้มีความเดือดร้อนในเรื่องเงิน แต่ต่อมาหลังจากโรคโควิด 19 ระบาดนาน จึงเริ่มมีปัญหาติดขัดในเรื่องเงิน

จึงทำให้ไม่มีเงินในการที่จะนำไปจ่ายจ่ายดอกเข้าสู่วงแชร์เงินกู้ดอกเบี้ยโหดดังกล่าว จากนั้นจึงได้เริ่มถูกข่มขู่คุกคามว่าจะทำร้ายมาตั้งแต่เมื่อเดือน ก.ค.63 ที่ผ่านมา ต่อมาเท้าแชร์ผู้ปล่อยเงินกู้ยังได้ตามมายึดเอารถจักรยานยนต์ของตนเองไป แต่ผู้เป็นบิดาได้นำเงินค่าดอกเบี้ยไปจ่ายให้และติดตามเอารถคืนมา แต่กลับพบว่ารถที่ถูกยึดไปนั้นได้รับความเสียหาย โดยมีการนำไปใช้จนโซ่ขาด

ถูกด่าแบบหยาบคาย และไล่ให้ไปขายตัว

ในขณะที่ตนเองนั้นยังคงถูกด่าทอ และส่งคลิปหญิงสาวที่ถูกทำร้ายร่างกาย ตามที่มีการเผยแพร่กันมาข่มขู่ว่าจะถูกตามทำร้ายในลักษณะเดียวกันนี้ด้วย และยังนำภาพของตนเองขึ้นมาด่าประจานบนโลกโซเชียล นอกจากนี้ยังเข้าไปคุกคามจนถึงยังบ้านพัก ด้วยการถ่ายภาพของผู้เป็นย่าแล้วส่งมาให้ดู พร้อมกับส่งข้อความข่มขู่ ระบุว่า “นี่ ย่าใครเอ่ย” ซึ่งขณะนั้นตนเองหวั่นเกรงว่าจะเกิดอันตราย จึงได้หลบไปทำงานรับจ้างยังต่างจังหวัด

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตน ที่ถูกล่อลวงให้เข้าไปอยู่ในวงจรแชร์เงินกู้รายนี้ จนชีวิตอยู่ไม่เป็นสุขนั้น เนื่องจากไม่ทราบเงื่อนไขอะไรที่จะมีขึ้นตามมามากมาย และไม่มีความชัดเจนมากนัก โดยที่ตนเองได้กู้เงินต้นมาจำนวน 6,400 บาท แต่ได้รับเงินจริงๆ เพียง 2,500 บาท เนื่องจากได้ถูกหักเงินตามเงือนไขที่ไม่ชัดเจน เป็นค่าบริการดูแล 100 บาท ค่าค้ำท้าย 1,000 บาท ค่าส่วนต่าง 2,800 บาท รวมหัก 3,900 บาท

ปูดอีกราย เหยื่อแชร์ดอกโหด

แต่เวลาคิดอัตราดอกเบี้ยกลับคิดอัตราดอกเบี้ยจากยอดเงินเต็มจำนวนแบบราย 7 วัน ในอัตราร้อยละ 20 บาท และหากส่งดอกเบี้ยล่าช้ากว่ากำหนด จะต้องเสียค่าปรับเป็นแบบรายชั่วโมงในอัตราชั่วโมงละ 50 บาท และหากเลยเวลาเที่ยงคืนไปแล้วจะถูกปรับเป็น ชม.ละ 500 บาท ซึ่งตนได้พยายามขอผ่อนผันต่อรอง แต่กลับถูกรุมด่าประจานจากกลุ่มของเท้าแชร์รายนี้ ด้วยถ้อยคำหยาบคายเสียหาย ทั้งยังไล่ให้ตนไปขายบริหารทางเพศเพื่อนำเงินมาใช้หนี้อีกด้วย เหยื่อสาววัย 19 ปี 8 วันระบุ

และยังเปิดเผยต่ออีกว่า สำหรับเงินกู้ที่ถูกทางเท้าแชร์เรียกเก็บในขณะนี้ มียอดเงินจำนวนมากถึง 14,000 บาท ทั้งที่ยอดเงินต้นแค่ 6,400 บาท จึงไม่รู้ว่าหนี้งอกเพิ่มขึ้นมาได้อย่างไร โดยล่าสุดได้มีการพยายามเจรจาต่อรองกัน หลังจากผู้เป็นบิดาของตนทราบเรื่อง จึงได้มีการลดยอดลงมาเหลือประมาณ 8 พันบาท แต่ตนยังเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย และอาจจะมีคนอื่นๆ ถูกล่อลวงเข้ามาอีก

ถุกไล่ให้ไปขายตัวมาใช้หนี้

เหมือนกับอีกหลายคนที่ยังไม่กล้าออกมา เนื่องจากยังเกรงว่าจะได้รับอันตราย ส่วนตนที่ต้องหันกลับมาต่อสู่ทางกฎหมายบ้านเมือง เนื่องจากเพราะอยากจะกลับมาอยู่ยังที่บ้านใน จ.ฉะเชิงเทรา เหมือนเดิมได้อย่างปลอดภัยมากกว่า โดยที่ไม่ต้องหลบหนีไปอยู่ยังต่างจังหวัดอีก

แฉขบวนการแชร์ดอกเบี้ยโหด ลวงล่อเยาวชนติดบ่วง สุดท้ายไม่มีจ่ายถูกบุกทำร้าย

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

สนทะนาพร อินจันทร์

สนทะนาพร อินจันทร์

ลุยงานช่วยเหลือคนเดือดร้อนมาทั้งชีวิต อย่างไม่คิดเรียกสิ่งตอบแทน