X
ถูกชนท้ายพุ่งออกมา

ชนแหลกไฟลุก สิบล้อตัดหน้าพ่วงหักหลบเสยกระบะชนตู้อุบัติเหตุต่อเนื่อง

ฉะเชิงเทรา – ชนแหลกไฟลุก สิบล้อกลับรถตัดหน้าพ่วง 18 ล้อเบรกชะงักหักหลบ ก่อนเสยท้ายกระบะจอดรอยูเทิร์นกระเด็นพุ่งออกมาตัดหน้ารถตู้ทางตรงพุ่งชนเสยท้ายอย่างแรงจนไฟลุกท่วม ก่อนกลายเป็นอุบัติซ้ำซ้อนวุ่นวายหลายราย ที่บริเวณด้านหน้าโรงงานผลิตรถยนต์ชื่อดังย่านบ้านโพธิ์ ขณะรถคันต้นเหตุหนีหายลอยนวล โชคดีไม่มีเสียชีวิตแต่เจ็บสาหัสหนึ่งราย

วันที่ 28 ส.ค.61 ร.ต.อ.พุฒิพงษ์ ชื่นชม รองสารวัตรสอบสวนเวร สภ.แสนภูดาษ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถยนต์พุ่งชนกันซ้ำซ้อนต่อเนื่องกันเป็นจำนวนมากหลายราย ที่บริเวณจุดยูเทิร์นกลับรถด้านหน้าโรงงานผลิตรถยนต์ชื่อดังแห่งหนึ่ง (โตโยต้า บ้านโพธิ์) ฝั่งประตูที่ 2 บนถนนสาย 314 ฉะเชิงเทรา-บางปะกง (สิริโสธร) พื้นที่ ม.2 ต.ลาดขวาง อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา จึงเดินทางไปสอบสวนยังในที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุพบเพลิงกำลังลุกไหม้รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า แบบแค็บ สีเทาหมายเลขทะเบียน ถช-9589 กทม. ที่ถูกรถยนต์ตู้ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน 30-2186 ฉะเชิงเทรา มีนายวสันต์ บุตรสาลี อายุ 47 ปี ชาว ต.บางกระเจ็ด อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา เป็นคนขับมาทางตรงด้านฝั่งขาออกจากตัวเมืองฉะเชิงเทรา พุ่งชนท้ายจนกระเด็นเข้าไปชนกระแทกซ้ำอย่างแรงเข้ากับประตูรั้วทางเข้าพื้นที่เตรียมการก่อสร้างโรงงานริมทางไฟลุกไหม้ห้องเครื่อง

โดยมีเจ้าหน้าที่ของทางบริษัทผลิตรถยนต์ใกล้ที่เกิดเหตุ ได้นำถังดับเพลิงเคมีมาทำการฉีดควบคุมเพลิงเอาไว้ไม่ให้ลุกลามไปทั่วตัวรถทั้งคัน แต่ยังคงมีเพลิงลุกไหม้อยู่ที่บริเวณภายในห้องเครื่องใต้ฝากกระโปรงหน้าอย่างต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา

ห่างออกไปทางด้านฝั่งขาเข้าสู่ตัวเมืองฉะเชิงเทราประมาณ 70 เมตร พบรถยนต์บรรทุกพ่วง 18 ล้อยี่ห้อฮีโน่หัวสีขาว หมายเลขทะเบียนหัวลาก 89-4754 กทม. หมายเลขทะเบียนหางพ่วง 87-4543 กทม. สภาพหัวมุมด้านหน้ารถทางขวามีร่องรอยของการพุ่งชน จอดรอเจ้าหน้าที่อยู่ริมทาง มีนายสมหมาย สุวรรณาโค อายุ 43 ปี ชาว ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เป็นคนขับให้การว่าตู้มาทางตรงชนซ้ำ

ขณะขับรถมาในเส้นทางตรงกำลังมุ่งหน้าไปทางตัวเมืองฉะเชิงเทรา ในเลนที่สองจากทางขวาได้มีรถบรรทุกสิบล้อได้พุ่งออกมาจากจุดยูเทิร์นกลับรถตัดหน้า ตนจึงได้พยายามเบรกและหักตัวรถหลบหนีออกไปทางขวาจึงทำให้พุ่งเข้าไปชนท้ายรถที่กำลังจอดรอกลับรถอยู่ในจุดยูเทิร์น จนรถยนต์กระบะคันที่ถูกไฟลุกไหม้นั้นพุ่งออกไปถูกรถยนต์ตู้พุ่งชนดังกล่าว

ด้านนายสาธิต นาโนน อายุ 34 ปี ชาว ต.เมืองเพีย อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น คนขับรถยนต์กระบะอีซูซุ แบบแค็บสีบรอนซ์ หมายเลขเบียน ผม-8631 ขอนแก่น อีกคันที่ถูกรถบรรทุกพ่วงพุ่งชนท้าย และจอดรอเจ้าหน้าที่อยู่คู่กัน กล่าวว่า ตนกำลังขับรถมาทางตรงจาก จ.ชลบุรี ในช่องทางด้านขวาเพื่อจะไปยัง จ.ขอนแก่น ได้ถูกรถบรรทุกพ่วงพุ่งชนทางด้านท้ายจนตัวรถกระเด็นไปข้างหน้า ส่วนรถคันที่เกิดเหตุพุ่งชนกันด้านฝั่งตรงข้ามนั้นตนไม่เห็นว่ามีการพุ่งชนกันได้อย่างไร โดยรถคันของตนได้รับความเสียหายที่บริเวณด้านท้ายกระบะที่หัวมุมทางขวามีร่องรอยของการถูกพุ่งชนจนกระบะหลังบิดเอียง นายสาธิต กล่าวพ่วงชนท้ายกระบะ

ขณะเดียวกันหลังเกิดอุบัติเหตุรถยนต์พุ่งชนกันจำนวนหลายคัน และสภาพการจราจรบนถนนสาย 314 กำลังมีรถยนต์ขับผ่านใช้เส้นทางเป็นจำนวนมาก จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนขึ้นอีกในบริเวณจุดเดียวกัน โดยมีรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้าอัลติสสีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน 6กฎ-3279 กทม. มี น.ส.สุคนธ์ทิพย์ บุราไกร อายุ 33 ปี ชาว ต.เทพราช อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา เป็นคนขับ ได้มีการชะลอหยุดรถในเส้นทางขาออกบนเลนที่สองจากขวาสุด

จึงทำให้มีรถยนต์บรรทุกสี่ล้อใหญ่ ยี่ห้ออีซูซุ สีฟ้าหมายเลขทะเบียน บน-9840 ปราจีนบุรี มีนายสมยศ สร้อยพรมราช อายุ 45 ปี ชาว ต.สะแกราช อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา เป็นคนขับตามหลังมาพุ่งชนท้าย และมีรถจักรยานยนต์ คันหมายเลขทะเบียน 1กณ-8662 ฉะเชิงเทรา ที่ขับตามหลังพุ่งชนท้ายรถบรรทุก 4 ล้อใหญ่ซ้ำอีกหนึ่งคันเกิดอุบัติเหตุ ซ้ำซ้อน

พ.ต.ท.ฐาปนะ คลอสุวรรณา รอง ผกก. สภ.แสนภูดาษ ซึ่งได้เดินทางมาอำนวยการสั่งการในที่เกิดเหตุด้วยตนเอง กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย คือ คนขับรถยนต์กระบะคันที่ถูกเพลิงลุกไหม้โดยยังไม่ทราบชื่อ ส่วนสาเหตุนั้นจากการสอบสวนเบื้องต้นเกิดจากรถยนต์บรรทุก 10 ล้อกลับรถพุ่งออกมาตัดหน้ารถพ่วงจึงทำให้รถพ่วงหักหลบไปชนรถยนต์ที่กำลังจอดรอยูเทิร์น จนกระเด็นพุ่งออกไปตัดหน้ารถตู้ที่กำลังขับมาทางตรงบนถนนด้านฝั่งตรงข้าม จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุต่อเนื่องซ้ำซ้อนขึ้นดังกล่าว พ.ต.ท.ฐาปนะ เผย

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

สนทะนาพร อินจันทร์

สนทะนาพร อินจันทร์

ลุยงานช่วยเหลือคนเดือดร้อนมาทั้งชีวิต อย่างไม่คิดเรียกสิ่งตอบแทน