ฉะเชิงเทรา – สงสารต้นข้าว ชาวนาครวญบอกก่อนลงทุนซื้อน้ำทำนา จากรถบรรทุกพ่วงขนน้ำเข้ามาเติมในแปลงนา เผยช่วงก่อนลงมือไถหว่านมีน้ำในคลองเต็มตลิ่ง แต่เวลาผ่านไปหลังช่วงลอยกระทงเพียง 2 สัปดาห์ น้ำกลับเหือดแห้งหายไปอย่างรวดเร็วผิดปกติ อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เผยแม้จะขาดทุนบ้างก็ต้องยอม
วันที่ 12 ม.ค.63 เวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ดูสภาพนาข้าว ที่ชาวนาในพื้นที่ ม.15 ต.ท่าไข่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ต่างพากันทยอยลงทุนซื้อน้ำจากรถพ่วงบรรทุกน้ำขาย เพื่อนำมาปล่อยลงสู่ผืนนา ที่ข้าวกำลังตั้งท้อง เกือบจะได้ผลผลิตอีกเพียงในระยะ 1 เดือนข้างหน้า หลังผืนดินอยู่ในสภาพแห้งแตกระแหงเป็นรอยแยก โดยมีต้นข้าวเริ่มยืนต้นตายและเปลี่ยนสีจากเขียวขจีเป็นเหลืองน้ำตาลคล้ำ
จากการสอบถาม นางพรสวรรค์ บุญหลำ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 195/3 ม.15 ต.ท่าไข่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องลงทุนซื้อน้ำจากรถบรรทุกน้ำจืด มาปล่อยลงสู่ผืนนานั้น เพราะสงสารต้นข้าวที่กำลังตั้งท้อง และกำลังจะเสียหายไม่ได้ผลผลิต จากการขาดน้ำหล่อเลี้ยง ซึ่งในขณะนี้ผืนดินในแปลงนาอยู่ในสภาพดินแยกแตกระแหงแล้ว
ทั้งที่ก่อนการลงมือไถหว่านเมื่อช่วงกลางเดือน ต.ค.62 ที่ผ่านมานั้น น้ำในลำคลองท่าไข่ ซึ่งอยู่ใกล้แปลงนาผืนนี้ มีน้ำอยู่จนเต็มเปี่ยมถึงขอบตลิ่ง แต่เมื่อได้ทำการหว่านข้าวลงไปได้เพียงระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ หลังเทศกาลลอยกระทงน้ำในลำคลองที่เคยเต็มเปี่ยมล้นตลิ่ง ได้เหือดหายแห้งขอดลงไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่รู้ว่าน้ำในลำคลองนั้นหายไปไหน อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเลย
จนมาถึงช่วงเวลานี้ ซึ่งเป็นช่วงที่ข้าวกำลังตั้งท้องและเริ่มจะออกรวงแล้ว แต่กลับไม่มีน้ำเหลือหล่อเลี้ยงต้นข้าวอยู่เลย โดยที่ครอบครัวของตนนั้นทำนาอยู่ในขณะนี้จำนวนกว่า 70 ไร่ จึงได้ซื้อน้ำมาเติมเพื่อหล่อเลี้ยงต้นข้าวในราคาคันรถพ่วงละ 1,800 บาท เพื่อให้ได้ผลผลิตบ้างอย่างน้อยสัก 30 กว่าไร่ก็ยังดีกว่าไม่ได้เลย โดยในขณะนี้ได้ซื้อน้ำเติมลงในแปลงนาไปแล้วจำนวนกว่า 10 เที่ยวคันรถพ่วง เพื่อหล่อเลี้ยงพื้นดินให้ชื้นแฉะพอให้ต้นข้าวอยู่ได้
ส่วนชาวบ้านในย่านเดียวกันนั้น ก็ต่างได้พากันซื้อนำมาเติมลงสู่แปลงนาไปด้วยตามๆ กันหลายรายแล้ว และยังคงมีนาข้าวอีกจำนวนหลายแปลง ที่ยังต้องการซื้อน้ำมาลงสู่แปลงนาแบบเดียวกันกับครอบครัวของตน นางพรสวรรค์ กล่าว
