แล้งหนัก ทำแผ่นดินทรุดถนนพังถล่มลงคลอง เทกุ้งทิ้งทั้งบ่อเสียหายยับ

ฉะเชิงเทรา – แล้งหนัก ทำแผ่นดินทรุดตัวถนนเลียบคลองชลประทาน “ประเวศบุรีรมย์” พังถล่ม ดินสไลด์ไหลลงสู่ลำคลอง ขณะบ่อเลี้ยงกุ้งข้างเคียงขนาดใหญ่เนื้อที่กว่า 10 ไร่ ทะลักพังเสียหายถูกเททิ้งหายลงไปตามน้ำทั้งบ่อ ด้านชาวบ้านสัญจรผ่านพื้นที่เดินทางอย่างยากลำบาก ต้องขับรถอ้อมไปไกลหลาย กม. กว่าจะไปมาหาสู่เชื่อมถึงกันได้

วันที่ 7 ม.ค.63 เวลา 16.30 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางเข้าตรวจสอบถนนเลียบชายคลองประเวศบุรีรมย์ บริเวณใกล้ประตูระบายน้ำปากคลองเชื่อมลงสู่แม่น้ำบางปะกง พื้นที่ ม.1 ต.คลองประเวศ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ถนนบริเวณดังกล่าวได้เกิดการทรุดตัวพังถล่มไหลลงไปในลำคลอง รวมระยะทางประมาณ 100 เมตร ลึกถึงกว่า 4-5 เมตร กินเนื้อที่กว้างถึงกว่า 10 เมตร

จนทำให้ชาวบ้านไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาหาสู่กันได้ ระหว่างบ้านดอนไปยังชุมชนวัดกระทุ่ม และบ้านหัวเนิน ที่เชื่อมระหว่าง 2 ตำบล คือ ต.คลองประเวศ และ ต.สนามจันทร์

หลังการเข้าตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้ง พบว่าจุดเกิดเหตุดังกล่าวอยู่บริเวณฝั่งตรงข้ามกับวัดมงคลโสภิต (วัดต้นสน) ห่างจากประตูปิดปากคลองระบายน้ำท่าถั่ว ของกรมชลประทานในพื้นที่ ต.บางกรูด มาประมาณ 1 กม. โดยมีบ่อเลี้ยงกุ้งที่อยู่ติดกันกับถนนเลียบคันคลองนี้ เนื้อที่ประมาณกว่า 10 ไร่ คันดินได้ทรุดตัวพังทลายลงไปตามถนนพร้อมกันด้วย จนทำให้กุ้งก้ามกรามและกุ้งขาว ที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ได้รับความเสียหาย ถูกเททิ้งลงไปในลำคลองทั้งหมด

จากการสอบถาม น.ส.สุคนทิพย์ มุ่ยฮะสูญ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38/1 ม.3 ต.บางกรูด อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา เจ้าของร้านอาหารตามสั่งและค้าของชำ ซึ่งตั้งติดอยู่กับวัดต้นสนฝั่งตรงข้าม เยื่องกับจุดเกิดเหตุ เล่าว่า เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น. ของเมื่อคืนที่ผ่านมา ได้มีคนในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นวัยรุ่นฝั่งตรงข้ามขับรถ จยย.มาซื้อของยังที่ร้านค้าของตน ก่อนที่จะกลับมาบอกว่ามีเหตุถนนทรุดตัวลงคลองจนไม่สามารถที่จะขับรถข้ามฝั่งที่ถูกตัดขาดกลับบ้านไปได้ หลังจากขับรถออกจากร้านค้าไปได้ไม่นาน

ตนจึงได้ออกไปดูจึงพบว่า มีเหตุการณ์ถนนพังถล่มลงไปสู่ในลำคลองจริง เป็นระยะทางไกลกว่า 100 ม. และผืนดินเนื้อถนนยังได้ไหลลงไปปิดขวางทางน้ำที่กลางลำคลองอีกด้วย ซึ่งดูแล้วน่ากลัวมาก ส่วนสาเหตุเชื่อว่าเกิดจากปัญหาภัยแล้ง ที่ในลำคลองสายนี้มีระดับน้ำแห้งขอด จนไม่มีน้ำหล่อเลี้ยงหรือพยุงอุ้มคันคลองไว้ ขณะที่ในบ่อกุ้งนั้นยังคงมีน้ำอยู่เป็นจำนวนมากเกือบเต็ม

จึงทำให้ระดับน้ำที่สูงแตกต่างกว่ากันมากในบ่อกุ้ง ผลักดันเนื้อดินคันคลองและถนนให้ถล่มพังทลายลงไปในลำคลองดังกล่าว แต่ไม่มีใครได้รับอันตรายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากขณะเกิดเหตุไม่มีคนสัญจรผ่าน และเป็นช่วงเวลากลางคืน จึงไม่มีคนใช้เส้นทางสายนี้มากนัก นอกจากคนในหมู่บ้าน ขณะเดียวกันยังพบร่องรอยของการแตกร้าวของแนวถนนนั้น ยังมีโอกาสที่จะพังถล่มสไลด์ลงไปในลำคลองได้อีกหลายจุดด้วย น.ส.สุคนทิพย์ กล่าว