ฉะเชิงเทรา – แม่ค้าโวย แขวงทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองมอเตอร์เวย์ นำแท่งแบริเออร์มาวางเรียงขวางก่อนถึงหน้าร้านยาวไกลนับร้อยเมตร อ้างแก้ปัญหาการจราจร รถติดขัดบริเวณจุดพักรถเขาดิน แต่ทำคนค้าขายสินค้าไม่ออก ทั้งที่เป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่มีผู้คนเดินทางผ่านพื้นที่จำนวนมาก พร้อมประกาศให้เซ้งขายสิทธิ์ร้านทิ้ง หากมีผู้สนใจเข้าตำเนินกิจการต่อไป
วันที่ 1 ม.ค.63 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นางวิไลพร รุ่งโรจน์สาคร อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45/8 ม.7 ต.เขาดิน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เจ้าของร้านค้าขายอาหารจานด่วน ภายในบริเวณจุดพักรถมอเตอร์เวย์ สาย 7 กรุงเทพฯ-พัทยา ด้านฝั่งขาออกมุ่งหน้าพัทยา ว่า ได้รับความเดือดร้อนจากแนวแท่งแบริเออร์ ที่แขวงทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองได้นำมาวางเรียงรายปิดขวางบริเวณด้านหน้าร้านเอาไว้
ตั้งแต่บริเวณด้านหน้าสถานีตำรวจทางหลวงพิเศษเขาดินเลยมาจนบริเวณด้านหน้าร้านค้าของตน ยาวไกลนับร้อยเมตร จนทำให้ลูกค้าหรือผู้ใช้เส้นทางไม่สามารถที่จะแวะหยุดรถเข้าร้านได้ จึงทำให้ร้านค้าประมาณ 4-5 ร้าน ซึ่งอยู่บริเวณหัวตึกใกล้กับสถานีตำรวจทางหลวงรวมถึงร้านของตนด้วย ไม่มีใครเดินทางมาเข้าร้าน เพราะต่างขับรถเลยหน้าร้านไปกันจนหมด
ทั้งที่เป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ที่มีคนสัญจรผ่านเป็นจำนวนมาก เมื่อสอบถามไปยังทางเจ้าหน้าที่ว่านำเอาแท่งแบริเออร์มาปิดกั้นบริเวณด้านหน้าร้านค้าของตนเอาไว้ทำไม ได้รับคำตอบจากทางเจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ว่า เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรรถติด ทั้งที่การนำเอาแท่งแบริเออร์มาปิดขวางบริเวณริมแนวขอบเส้นทาง
ซึ่งเป็นช่องแวะจอดหยุดพักรถ ที่จอดรถคนพิการ เพื่อเข้าห้องน้ำนั้น เป็นการเสียพื้นที่ในการจอดรถของประชาชนไปเป็นจำนวนมาก จนทำให้ที่จอดรถบริเวณจุดพักรถเขาดินที่เดิมมีไม่เพียงพออยู่แล้ว ยิ่งลดน้อยไม่เพียงพอ และทำให้รถติดขัดหนักกว่าเดิมมากขึ้นไปอีก การนำเอาแท่งแบริเออร์มาปิดขวางไว้นั้น ยังทำให้ประชาชนแวะเข้าใช้ห้องน้ำไม่ได้ ทั้งที่ปัญหาในปัจจุบันห้องน้ำบริเวณจุดพักรถเขาดินยังมีไม่เพียงพอให้บริการแก่ประชาชนที่ต้องการใช้อยู่แล้ว
ตั้งแต่ทำร้านค้าบนจุดพักรถเขาดินมานานถึงกว่า 21 ปี ยังไม่เคยพบเจอปัญหาแบบนี้มาก่อนเลย หากใครอยากจะมาเซ้งร้านค้าต่อจากตน ก็อยากจะขายสิทธิทิ้งแล้ว เพราะเคยเซ้งร้านมาในราคาสูงถึงล็อคละ 3.5 ล้านบาท และต้องเสียค่าเช่าแบบรายเดือนอีกสูงถึงเดือนละกว่า 2 หมื่นบาท ทั้งยังต้องเลี้ยงลูกน้องคนงานในร้านอีก 5-6 คน ตอนนี้อยู่แทบไม่ไหวแล้ว นางวิไลพร กล่าว
