X
ยันเดินหน้าบุกรั้วโรงเรียน

สส.อนาคตใหม่ ยันเดินหน้าบุกรั้วโรงเรียนปลุกแนวร่วมล้มเกณฑ์ทหาร

ฉะเชิงเทรา – สส.อนาคตใหม่ ยันเดินหน้าบุกรั้วโรงเรียนปลุกแนวร่วมล้มระบอบเกณฑ์ทหาร เมินกระแสวิจารณ์ชาวโลกโซเชียล ระบุทำตามสิทธิไม่ผิดกฎหมายไม่ทำใครเดือดร้อน อ้างทำตามสัญญาที่ให้ไว้ ประชาธิปไตยต้องมีความเห็นต่างตกผลึก เผยฝ่ายความมั่นคงพูดมีน้ำหนักข้างเดียว บอกหากอนาคตของชาติไม่รู้เรื่องอนาคตของบ้านเมือง แล้วจะเป็นอนาคตของเราได้อย่างไร

วันที่ 5 ธ.ค.62 เวลา 19.00 น. ที่ตลาดชายน้ำด้านหน้าที่ว่าการอำเภอบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 4 พรรคอนาคตใหม่ กล่าวเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าว ระหว่างการออกมาเดินรณรงค์หาแนวร่วมในการสนับสนุนให้มีการยกเลิกการเกณฑ์ทหารต่อประชาชน ที่กำลังออกมาพักผ่อนและรับประทานอาหารเย็นอยู่ตามร้านค้า

ถึงกรณีที่ถูกกระแสโซเชียลรุมวิพากษ์วิจารณ์ และประณามถึงการเดินทางเข้าไปชักจูงเด็กและเยาวชนให้สนับสนุนแนวความคิด และนโยบายจากการหาเสียงให้สนับสนุนการยกเลิกการเกณฑ์ทหารจนถึงยังในสถานศึกษาและในโรงเรียน ว่า สาเหตุที่ต้องเดินทางเข้าไปจนถึงภายในโรงเรียนนั้น เนื่องจากการนำเสนอกฎหมายในฐานะฝ่ายค้าน ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 นั้นมันยากที่จะแก้กฎหมายหรือจะเสนอกฎหมายใหม่

เพราะจะต้องผ่านทั้งสภาผู้แทนราษฎร และต้องไปผ่านสภาของวุฒิสภา (สว.) และยังมีโอกาสที่ทั้งสองสภา ทั้ง สส.และ สว. ฝ่ายรัฐบาล จะยื่นเรื่องนี้ให้กับศาลรัฐธรรมนูญตัดสินอีก ฉะนั้นการผ่านกฎหมายอะไรในยุคนี้จึงค่อนข้างยาก การรณรงค์เท่านั้นที่จะช่วยให้เราได้ในสิ่งที่เราต้องการ เพราะประชาชนที่หนุนกฎหมายฉบับนี้จะเป็นตัวที่กดดันให้ฝ่ายรัฐบาล และ สว. เห็นด้วยกับโครงการนี้

ส่วนปัญหาผลกระทบต่อด้านความมั่นคงของประเทศนั้น เป็นเหตุผลของกองทัพที่พูดอยู่คนเดียว ที่เหตุผลของกองทัพมีน้ำหนัก มันสำคัญกว่าเหตุผลของคนที่ถูกกระทำ คนที่ได้รับผลกระทบอย่างเยาวชน ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจริงๆ

ถ้าเราไม่ถามเยาวชน โดยเฉพาะการลงไปถามถึงในโรงเรียน เราก็ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเขาต้องการอะไร ตัวอย่างที่โรงเรียนที่เพิ่งไปมาและเป็นข่าวอยู่ขณะนี้นั้น ในโรงเรียนมีนักเรียนมัธยมปลายทั้งหมด ที่ได้เรียนนักศึกษาวิชาทหาร (รด.) แค่เพียง 3 คน 2 ใน 3 เป็นผู้หญิง โดยมีนักเรียนชายอยู่คนเดียวที่เรียน รด. แต่พอถามว่าใครอยากเกณฑ์ทหารไหม น้องๆ ก็ยกมือทุกคนว่าไม่มีใครอยากเกณฑ์

เมื่อถามต่อว่าแล้วทำไมไม่เรียน รด. ได้รับคำตอบว่าน้องๆ ทุกคนนั้นไม่มีเวลาไป เนื่องจากเสาร์-อาทิตย์ ต้องทำงาน อีกทั้งสถานที่ไปเรียน รด. ยังอยู่ไกลจากตัวอำเภอมาก ไม่มีทั้งค่าขนส่งไม่มีทั้งเวลา ถ้าเราไม่ลงพื้นที่แบบนี้ เราจะไม่รู้เลยว่ามันมีปัญหาแบบนี้อยู่ด้วย ฉะนั้น รด.ไม่ได้เข้าถึงทุกคนจริงๆ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงต้องลงไปจนถึงตัวน้องๆ เยาวชน นายจิรัฏฐ์ กล่าว

นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในการเข้าไปยังในสถานศึกษาหรือโรงเรียนนั้น เราได้ขออนุญาตทางสถานศึกษาหรือไม่ นายจิรัฏฐ์ ตอบว่าได้มีการเข้าไปขออนุญาตว่าจะมีการเข้าไปรณรงค์ในเรื่องอะไร โดยได้ตกลงกับทางสถานศึกษาแล้วว่า การไปรณรงค์ไม่ได้มีการโจมตี ไม่ใช่เรื่องการเมืองที่ใส่ร้ายป้ายสีกัน หรือเป็นการล้างสมองเหมือนที่เป็นข่าว

โดยในข่าวนั้นเราเห็นแค่ภาพ ที่นักเรียนถือโบรชัวร์ซึ่งเป็นแผ่นพับเฉยๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วตนเองพูดถึงเรื่องสิทธิ์มนุษยชน พูดในเรื่องประวัติศาสตร์ในเรื่องของการรณรงค์เรื่องประกันสังคม ที่มีการต่อสู้ถึง 30 ปี กว่าบ้านเราจะมีประกันสังคมใช้ และพูดในเรื่องของสิทธิในการที่เราควรจะมีสิทธิเลือกอะไรก็ตาม รวมถึงการเมืองในเรื่องของการเลือกผู้แทนราษฎร และระบบการทำงานในสภาว่าเป็นอย่างไร ระบบการเสนอกฎหมายเป็นอย่างไร

เหมือนเป็นการเข้าไปแนะนำน้องๆ และสอนในสิ่งที่น้องๆ อยากรู้อยากเข้าใจในเรื่องของระบบรัฐสภามากกว่า อีกอย่างหนึ่ง ทั้ง ผอ.โรงเรียน และครู ก็ยังได้มายืนฟังอยู่ด้วย เมื่อจบการรณรงค์ตรงนั้นแล้ว หลังจากที่เราได้เข้าไปพูดคุย ทั้ง ผอ.และครู ก็ยังบอกว่า เราก็ไม่ได้พูดเรื่องอะไรที่หมิ่นแหม่หรือว่าส่งผลให้เกิดความเสียหาย

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จากความคิดเห็นของผู้ปกครองบางราย ที่ไม่เห็นด้วยที่เข้าไปพูดกับลูกหลานเขาอย่างนั้น เราคิดจะตอบเขาอย่างไร นายจิรัฏฐ์ ตอบว่า ตนเองคิดว่าผู้ปกครองส่วนใหญ่ไม่ได้อยากให้บุตรหลานของตนเองไปเป็นทหารเกณฑ์อยู่แล้ว โดยตนเองมั่นใจว่าผู้ปกครองส่วนใหญ่ไม่ต้องการแบบนั้น อีกอย่างการรณรงค์ลักษณะนี้ เป็นการทำตามสัญญาที่ได้ให้ไว้ระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง

นี่คือสิ่งที่อนาคตใหม่อยากจะสื่อสารว่า เราสัญญาอะไรกับประชาชนไว้ หลังจากนั้นเราจะทำตามสิ่งที่เราสัญญา ในขณะที่เราเห็นพรรคการเมืองหลายพรรค โดยเฉพาะทางฝั่งรัฐบาล ที่ไม่เห็นมีการนำเอาสิ่งที่ตนเองโฆษณาไว้ตั้งแต่ตอนหาเสียงไปใช้เลยจริงๆ ไม่มีนโยบายอะไรที่เป็นนโยบายในตอนหาเสียงเอาไปใช้จริงเลย จะมีแค่ประกันราคาข้าว ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่รัฐบาลสื่อสารไว้ตั้งแต่แรกกับประชาชน

เมื่อถามว่าจากกระแสโซเชียลที่มองว่าวิธีการลักษณะนี้ไม่สร้างสรรค์ ไม่เหมาะกับเด็กและเยาวชน แนวทาง ส.ส.มองว่าเป็นอย่างไร นายจิรัฏฐ์ ตอบว่า เราตัดสินไม่ได้หรอกว่าเหมาะสมกับเด็กหรือไม่ ในเมื่อเราบอกว่าอนาคตของชาติคือเยาวชนกลุ่มนี้ และถ้าหากอนาคตของชาติไม่รู้เรื่องอนาคตของบ้านเมือง ไม่รู้เรื่องของชาติแล้วเขาจะเป็นอนาคตของเราได้อย่างไร

การเมืองมันเป็นเรื่องของทุกคนอย่างที่ทุกท่านทราบ ถ้าการเมืองเป็นเรื่องของทุกคน น้องๆ ทุกคนที่จ่ายภาษีอยู่ทุกวัน ทำไมน้องๆ จะไม่มีสิทธิรู้เรื่องพวกนี้ อีกอย่างตนเองนั้นไม่สามารถที่จะไปโน้มน้าว หรือว่าล้างสมองน้องๆ ได้ น้องๆ ทุกคนมีความคิด มีเหตุผลเป็นของตนเอง เราต้องให้เกียรติพวกเขา ที่เขามีความคิดเป็นของตนเอง เราตัดสินไม่ได้หรอกว่าเขาจะคิดอย่างไรทำอะไร ต้องการแบบไหน ชอบแบบไหน ตนเองทำได้เพียงให้ข้อมูล

จริงๆ แล้วกองทัพควรจะเปิดพื้นที่ตรงนี้มากกว่า ที่จะให้มีการรณรงค์ เราเห็นว่ามียุวชนทหาร เราเห็นว่ามี รด. นี่ก็เป็นการยัดเหยียดความคิดเหล่านี้ให้แก่น้องๆ อยู่แล้ว ทำไมการรณรงค์เรื่องแบบนี้แค่เพียง 5-10 นาที มันเป็นปัญหาอย่างไร นายจิรัฏฐ์ กล่าว

เมื่อถามว่า หลังถูกกระแสโจมตีเกี่ยวกับการรณรงค์ลักษณะนี้ค่อนข้างรุนแรงแล้ว ยังจะเดินหน้ารณรงค์ต่อไปอีกหรือไม่ นายจิรัฏฐ์ ตอบอีกว่า เราจะเดินหน้าให้เต็มที่และจะเดินหน้าให้นักกว่าเดิม ซึ่งความจริงไม่ได้ไปแค่โรงเรียน แต่ไปทุกที่เช่นเดียวกันกับในวันนี้ที่มารณรงค์ ซึ่งเป็นสถานที่ ที่เป็นชุมชนมีประชาชนมารวมตัวกันกินข้าวในตอนเย็นๆ ทั้งตลาดตามชุมชนหมู่บ้านก็ได้เข้าไปรณรงค์มาแล้วทุกที่ไม่ใช่แค่เฉพาะที่โรงเรียน

และหลังจากนี้ได้ตั้งใจว่าจะไปยังในโรงเรียนให้มากยิ่งขึ้น หลังจากกระแสข่าวนี้มา ที่เราต้องทำให้เขาเห็นว่าการรณรงค์อย่างสันติมันเป็นสิ่งที่ไม่ได้ทำร้ายใคร ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน และไม่ได้ผิดกฎหมายอะไร ส่วนคนที่มีความคิดเห็นแตกต่างนั้น เชื่อว่าไม่มีใครคิดเหมือนกันทุกคน ความแตกต่างมันทำให้เราได้ระดมสมองระดมความคิด ถ้าคิดไม่เหมือนกันถกเถียงกันด้วยเหตุและผล มันนำมาซึ่งสิ่งที่ดีกว่าเสมอ

แต่การที่เราไม่สามารถตั้งคำถามได้เลย ไม่สามารถที่จะแสดงความคิดเห็นได้เลย อันนี้จึงเป็นจุดที่ทำให้ผู้มีอำนาจยังยึดครองอำนาจตรงนี้อยู่ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ประชาชนจะเข้าไปเกี่ยวเอาอำนาจนั้นกลับคืนมาบ้าง ในเมื่อคุณไม่เปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้คิดได้เลย ฉะนั้นคิดเห็นต่างกันคุยกันถกกันทำความเข้าใจกัน เป็นสิ่งที่สังคมประชาธิปไตยควรจะมี นายจิรัฏฐ์ กล่าว

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

สนทะนาพร อินจันทร์

สนทะนาพร อินจันทร์

ลุยงานช่วยเหลือคนเดือดร้อนมาทั้งชีวิต อย่างไม่คิดเรียกสิ่งตอบแทน