ตัวแทนจากนายจ้างและแรงงาน 3 สัญชาติ กว่า 100 คน เข้าร้องต่อศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเกาะสมุย หลังจากที่ถูกบริษัทนายหน้าขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว เบี้ยวไม่ยอมทำเอกสารให้ อ้างติดปัญหาต่างๆ นานา จนหมดเวลาขึ้นทะเบียน ทำให้แรงงานกลายเป็นแรงงานเถื่อน และสูญเงินฟรีนับล้านบาท
เมื่อวันที่ 10 ก.พ. 64 ที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี นายธีระพงศ์ ช่วยชู นายอำเภอเกาะสมุย และผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรม รับเรื่องร้องเรียนจากนางสาวขวัญใจ ดิษฐระหาญ ตัวแทนนายจ้างจำนวน 13 ราย และนางสาวลน สัญชาติเมียนมา ซึ่งเป็นตัวแทนแรงงานเมียนมาที่ทำงานอยู่ในเกาะสมุย จำนวน 108 คน ที่เป็นผู้เสียหาย นำหลักฐานเข้าร้องที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเกาะสมุย หลังถูกบริษัทนายหน้ารับขึ้นทะเบียนแรงงาน 3 สัญชาติแห่งหนึ่งบนเกาะสมุย ที่เปิดสำนักงานรับดำเนินการขึ้นทะเบียนแรงานเมื่อต้นปีพ.ศ.2563 โดยเก็บเงินค่าดำเนินการไปคนละตั้งแต่ 11,000 ถึง 18,000 บาท รวมแล้วกว่า 1 ล้านบาท แต่เมื่อรับเงินไปแล้วกลับไม่ได้ทำเอกสารให้เสร็จตามที่ตกลงกันไว้ จนเวลาล่วงเลยจนถึงปัจจุบันซึ่งเลยกำหนดเวลาต่อใบอนุญาตทำงานไปแล้วก็ยังไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จ ทำให้แรงงานดังกล่าวต้องกลายเป็นแรงงานเถื่อนในทันที อีกทั้งหนังสือเดินทาง เอกสารสำคัญของแรงงาน และเงินที่จ่ายไปก็ไม่ได้รับคืนจากบริษัทนายหน้าดังกล่าว
นางสาวขวัญใจ ดิษฐระหาญ ตัวแทนผู้เสียหาย เผยอีกว่า ก่อนหน้านี้กลุ่มผู้เสียหายได้เข้าไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็นัดให้กลุ่มผู้เสียหายกับเจ้าของบริษัทนายหน้าที่เป็นคู่กรณีมาเจรจา แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน และวันนี้ได้เป็นตัวแทนของบริษัทผู้เสียหาย และกลุ่มแรงงานต่างชาติ ที่ถูกบริษัทนายหน้าดังกล่าวฉ้อโกงหลอกลวงมาร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมให้ตรวจสอบและเอาผิดกับบริษัทนายหน้าดังกล่าว
ขณะที่นายธีระพงศ์ ช่วยชู นายอำเภอเกาะสมุย และผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรม กล่าวว่า ภายหลังจากที่รับเรื่องร้องเรียนก็จะประสานเจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบข้อมูลบริษัทผู้รับบริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวรายดังกล่าว และจะติดตามขอข้อมูลเพิ่มเติมด้านคดีกับทางสภ.บ่อผุด ว่าได้ดำเนินการอย่างไร ส่วนการไกล่เกลี่ยของศูนย์ดำรงธรรมก็จะเชิญบริษัทนายหน้าที่เป็นคู่กรณีมาพูดคุยทำความเข้าใจ ถ้าไม่ได้ผลอย่างไรก็ให้ผู้ร้องดำเนินการตามกฏหมาย
นอกจากนี้ยังมีการร้องเรียนเข้ามาอีกว่า กรณีมีการระบาดของบัตรสีชมพูหรือบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยที่ปลอมแปลงขึ้นมาเพื่อหลอกลวงต้มตุ๋มแรงงาน 3 สัญชาติ ว่าอ้างว่าสามารถกระทำได้ และใช้เป็นบัตรประจำตัวเพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ ซื้อขายกันในราคา 4,500 บาท ก็ขอฝากเตือนว่าไม่เป็นความจริง อย่าไปหลงเชื่อบุคคลใดๆ หลังจากนี้ก็จะประสานชุดปฏิบัติการ กอ.รมน.ภาค4 พื้นที่เกาะสมุย ร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอเกาะสมุย เข้าตรวจสอบจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี หากมีข้อสงสัยให้สอบถามมาที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเกาะสมุย ตรวจคนเข้าเมือง จัดหางานแรงงาน หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ นายธีระพงศ์ นายอำเภอเกาะสมุย และผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรม กล่าว
