ชุมพร-แถลงผตข.โดนชักจูงจาก นช.แก่โทษสูง ชม จนท.เจ๋ง ไม่ย้าย ผบ.เรือนจำหลังสวน
เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 14 ตค.61 ที่กองบังคับการตำรวจชุมพร พล.ต.ท.พงษ์วุฒิ พงษ์ศรี ผบช.ภ 8 พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย ผบก.ภ.จว.ชุมพร ,พ.ต.อ.พรพันธ์ ทิมขำ รองผบก.ภ.จว.ชุมพร,พ.ต.อ.ภาณุเดช ณ พัทลุง รอง ผบก. ภ.จว.ชุมพร พ.ต.อ.ประสิทธิ์ศักดิ์ ศรีสุข รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร พ.ต.อ.ภคพล ทวิชศรี รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร และ พ.ต.อ.เสกสิทธิ์ สุวรรณฤทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร พล.ต.พรชัย อินธนู ผบ.มทบ.44 พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พล.ต.ต.ไพโรจน์ ทานธรรม ผบก.ตชด.ภาค 4 เปิดแถลงข่าว ในการจับกุมผู้ต้องหา .นายพิเชษฐ์ กลิ่นโอชา อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11/13 ม.6 ต.เชี่ยวเหลียง อ.กะเปอร์ จ.ระนอง นายกฤษฎา เกตุนุ้ย อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 132/1 ม.7 ต.นาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพร นายธราธิป เพิ่มลาภ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25/47 ม.3 ต.บ้านบ่อ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ตามหมายจับศาลจังหวัดหลังสวนที่ 136/2561 ลงวันที่ 11 ต.ค.2561
ตั้งข้อหาว่า เป็นผู้ถูกคุมขังตามอำนาจของศาลหลบหนีการควบคุม โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือโดยกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานหรือผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานตามกฎหมาย โดยใช้กำลังประทุษร้ายและขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายและร่วมกันปล้นทรัพย์ โดยเมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2561 เวลาประมาณ 09.00น. ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่าเกิดเหตุนักโทษหลบหนีไปจากการควบคุม บริเวณด้านหลังอาคารศาลจังหวัดหลังสวน จำนวน 5 คน ขณะเกิดเหตุสามารถจับกุมตัวนักโทษได้จำนวน 2 คน ส่วนที่เหลือได้ปล้นเอารถยนต์ของทางเรือนจำขับขี่หลบหนี ต่อมาพบรถยนต์จอดทิ้งในสวนปาล์มริมเขา ต.ตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร จนกระทั่งในวันที่ 13 ต.ค.2561 เวลาประมาณ 06.30 น. นักโทษทั้ง 3 คน ได้ลงมาจากที่หลบซ่อนเนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่ปิดล้อมกดดัน จนทนไม่ไหวและถูกจับกุมในที่สุด จึงได้นำตัวผู้ต้องขังทั้งสามคนซึ่งอยู่ในสภาพอิดโรย นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ท.พงษ์วุฒิ พงษ์ศรี ผบช.ภ 8 ตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่า ในการวางแผนมาล่วงหน้าหรือไม่ และ วางแผนมานานแล้วหรือยังนั้น ต้องขอเวลาในการสอบสวนอีกสักระยะ ให้เกิดความชัดเจน ในส่วนของเหตุจูงใจของการก่อเหตุ นั้นคาดว่า มาจากการที่นักโทษที่คดีสิ้นสุดแล้ว คือ นายวศิน mv’อายุกว่า 60 ปี มีโทษ30ปี น่าจะชักจูงผู้ต้องขังอีก4 คนให้ก่อเหตุ ส่วนการวางแผนในส่วนของเส้นทางการหลบหนี อาจจะมีการเตรียมการไว้มากกว่า แต่ต้องมีความชัดเจนในการสอบสวน ส่วนเป้าหมายในการหลบหนีว่าจะไปที่ไหนนั้นก็ ยังไม่สอบถามให้ชัดเจน แต่ที่ต้องชมเชย คือ ดต.สราวุธ ที่เป็นตำรวจ สภ.หลังสวนประจำที่ศาลหลังสวน ที่สามารถแจ้งเหตุได้รวดเร็ว มีรายละเอียดการหลบหนีของคนร้าย ทำให้ประสานหน่วยงานต่างๆในการติดตามได้อย่างรวดเร็ว ส่วนข้อถามว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เป็นการกระทำอย่างเป็นขบวนการหรือไม่ ในเบื้องต้นยังไม่ทราบว่ามีขบวนการหรือไม่ แต่ก็ต้องสอบสวนอย่างละเอียดต่อไปว่า ทำไมจึงเลือกใช้เส้นทางเลี่ยงเมือง มีการนัดแนะผู้อื่นมาให้การช่วยเหลือหรือไม่ รวม ถึง จุดที่คนร้ายจะไปตัดโซ่ตรวน ทั้งหมดจะต้องมีการตรวจสอบ สอบสวน เพื่อนำเป็นบทวิเคราะห์ในการทำงานต่อไป
พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวขอบคุณ หน่วยงานทั้ง ทหาร ตำรวจ ตชด.ฝ่ายปกครอง ฝ่ายท้องถิ่น ที่สำคัญคือการที่ผตข.ไม่สามาถหลบหนีไปได้ไกล ก็คือการที่มีโซ่ตรวนติดอยู่ที่ข้อเท้า จึงฝากถามถึง องค์กรสิทธิมนุษยชนที่ออกมาต่อต้านการล่ามโซ่ตรวนด้วย ส่วนที่สงสัยว่ามีเกลือเป็นหนอนหรือไม่ ในขณะนี้ยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่ามี ถ้ามีก็ถือว่า เป็นข้อบกพร่องที่รุนแรง ยืนยันว่า จนท.ของเรือนจำไม่มี ส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ตั้งแต่ คสช.เข้ามา ทำให้เรือนจำเป็นสรีขาวที่แท้จริง ในส่วนของ ผบ.เรือนจำหลังสวน ก็ ทำหน้าที่ได้อย่างดี คือสามารถติดตาม ผตข.ได้ภายใน 48 ชม.จึงยังคตงให้ทำหน้าที่ต่อไป เพราะในเวลาเกิดเหตุก็พึ่งมารับตำแหน่งเพียง2 วัน และ ทุ่มเทจนจับคนร้ายได้
อธิบดี กรมราชทัณฑ์ ยังกล่าวต่อไปว่า “มีปัญหากำลังพลมาก อย่างที่ เรือนจำหลังสวน จนท.59 คน มีนักโทษ 1200 คน นับว่าเป็นงานที่หนักมาก ในส่วนข้อบกพร่องในวันเกิดเหตุก็คือการที่ใช้กำลังในการควบคุมน้อยเกินไป ซึ่งควรของความร่วมมือจาก ตำรวจ” ในส่วนของนักโทษ ทั้ง 5 คนที่ก่อเหตุ ยืนยันว่าจะดำเนินการตามหลักกฎหมายในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง ถ้าผู้ต้องขัง ทั้ง5 คนได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต หรือ มีการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายขั้นตอนปฏิบัติ จะดำเนินการลงโทษ ผบ.เรือนจำทันที นอกจากนั้นในส่วนของมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุเพื่อหลบหนี นั้นน่าจะมีได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าเรื่องส่วนตัวที่คิดถึงครอบครัว หรือไม่อยากอยู่ในเรือนจำ เหตุการณ์ครั้งนี้ ถือว่า จนท.ราชทัณฑ์ ทำดีที่สุดแล้ว”
