X

เหยื่อแก๊งตร.ทท-นักข่าว!! บุกขู่รีด​ 8 หมื่น ผกก.ยันหลักฐานแน่นส่งปปช.

ชุมพร-เหยื่อแก๊งตร.ทท-นักข่าว!!  บุกขู่รีด8หมื่น ผกก.ยันหลักฐานแน่นส่งปปช.

จากกรณี นายสุรินทร์ กาลสังข์ อายุ 39 ปี เจ้าของร้านรับซื้อของเก่าชื่อ “ ฉอ ค้าของเก่า” เลขที่ 109/1 หมู่ 1 ตำบลบางหมาก อ.เมือง จ.ชุมพร นำคลิปวิดีโอกล้องวงจรปิดเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร หลังมีกลุ่มบุคคลอ้างตัวเป็นตำรวจท่องเที่ยวนอกเครื่องแบบ  พร้อมเจ้าหน้าที่ไฟแนนซ์และนักข่าวรวม 9 คน บุกเข้าไปตรวจค้นซากอะไหล่รถยนต์กล่าวหาว่ารับซื้อของโจร แล้วทำทีเป็นลงบันทึกการจับกุมแล้วข่มขู่กรรโชกทรัพย์เรียกเงิน 150,000 บาท แต่ต่อรองจนเหลือ 8 หมื่นบาท โดยไม่มีหมายค้นและความผิดใดๆ แต่ต้องยอมจ่ายเงินให้เพราะกลัว  หลักจากนั้นได้นำคลิปวงจรปิดภายในร้านเข้าแจ้งความดำเนินคดี โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนเย็นจนเกือบถึงเที่ยงคืนของวันที่ 31 มีนาคม 63 ที่ผ่านมา

ต่อมาวันที่ 2 เมษายน 63  ผู้ที่อ้างว่า เป็น ตร.ท่องเที่ยว และทราบว่าเป็นตำรวจจริง ได้เข้ามอบตัวรับทราบข้อหาโดยให้การเบื้องต้นยอมรับว่าบุคคลในภาพคลิปวิดีโอเป็นตนเองจริงที่อยู่ในกลุ่มนั้นด้วยแต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการไปเรียกรับเงินแต่อย่างใด ซึ่งเบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันบุกรุก ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ และซ่องโจร ก่อนเจ้าหน้าจะปล่อยตัวไปก่อนเป็นการชั่วคราวตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น

เช้าวันนี้ นายสุรินทร์ กาลสังข์ เปิดเผยความคืบหน้ากรณีดังกล่าวว่า เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 24 เมษายน 2563  นายสุรินทร์ กาลสังข์ อายุ 39 ปี เจ้าของร้าน “ ฉอ ค้าของเก่า ” ได้เดินทางมาพบกับ พ.ต.อ.ชนินทร์ ณรงค์น้อย ผกก.สภ.เมืองชุมพร เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี โดยมี พ.ต.ท.ปนินทร โชติ รอง ผกก.(สอบสวน) และ พ.ต.ท.วิชัย แสงวิเชียร สว.(สอบสวน) นำสำนวนการสอบสวนทั้งหมดจำนวนหลายร้อยหน้ามารายงานให้ทราบเกี่ยวกับคดีดังกล่าว

พ.ต.อ.ชนินทร์ ณรงค์น้อย ผกก.สภ.เมืองชุมพร กล่าวว่าขณะนี้พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดเรียบร้อยแล้วทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดที่บริเวณร้านค้าของเก่าและภาพจากกล้องวงจรปิดที่ปั้มน้ำมันจุดที่ฝ่ายผู้เสียหายกดจากตู้เอทีเอ็มให้กับฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาซึ่งปรากฏภาพชัดเจน นอกจากนั้นยังได้สอบปากคำพยานบุคคลซึ่งยืนยันว่ากลุ่มบุคคลที่เป็นผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดได้เข้าไปอยู่ในร้านรับซื้อของเก่าจริง

พ.ต.อ.ชนินทร์กล่าวว่าตอนนี้ผู้ที่ถูกกล่าวหาทั้งหมดจากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและจากภาพกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ​ มีทั้งหมด 9 คน ขณะนี้รู้ชื้อที่อยู่แล้ว 6 คน อีก 3 คน เป็นชายไทยยังไม่ทราบชื่อแต่มีภาพปรากฏชัดเจน ส่วนผู้ต้องหาที่ 1 ได้มามอบตัวรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ขณะนี้ถูกย้ายไปประจำที่ ศปก.ภาค 8

พ.ต.อ.ชนินทร์กล่าวว่าคดีนี้ไม่ล่าช้ายังอยู่ในกรอบเวลาแต่ที่ตำรวจยังไม่ออกหมายเรียกหรือหมายจับผู้ต้องหาที่เหลือเนื่องจาก ผู้ต้องหาที่ 1 คือ “หมวดตุ้ม” เป็นตำรวจซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ จึงได้นำสำนวนสอบสวนและหลักฐานทั้งหมดส่งไปยังสำนักงาน ปปช. เมื่อวันที่ 16 เมษายน 63 ที่ผ่านมา เพื่อพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งจะรู้ผลภายใน 30 วัน หาก ปปช.รับคดีไว้ดำเนินการเองก็จะต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทำการสอบสวนดำเนินคดีผู้ต้องหาทั้งหมด ทางตำรวจก็จะส่งมอบหลักฐานสำนวนคดีให้กับ ปปช.ต่อไป ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดก็จะต้องเข้าสู่การพิจารณาคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชต่อไป

พ.ต.อ.ชนินทร์กล่าวว่าหาก ปปช.ไม่รับเรื่องไม่เข้าข่ายการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ปปช.ก็จะส่งเรื่องกลับมาให้ทางตำรวจท้องที่ดำเนินคดีเอง ทางตำรวจท้องที่ก็จะต้องออกหมายเรียกหรือหมายจับนำตัวถูกกล่าวหาทั้งหมดมารับทราบข้อหาเพื่อส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการและศาลจังหวัดชุมพรต่อไป ซึ่งเรื่องทั้งหมดเป็นไปตามขั้นตอนของกรอบเวลาที่ให้อำนาจหน้าที่ไว้ขอให้ผู้เสียหายสบายใจได้

ด้านนายสุรินทร์ กาลสังข์ เจ้าของร้านรับซื้อของเก่ากล่าวว่าหลังมาติดตามความคืบหน้าของคดีทำให้เข้าใจและรู้ถึงขั้นตอนการทำงานของตำรวจที่ดำเนินคดีอย่างเต็มที่ เพียงแต่ผู้ต้องหาบางคนเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ จึงต้องส่งเรื่องให้กับ ปปช. และขึ้นสู่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8  จึงรู้สึกสบายใจอย่างมากเพราะที่ผ่านมามีบางคนจากกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวได้ติดต่อขอเจรจากับตนอยู่ 2-3 ครั้งแล้ว แต่ตนไม่ยอมจะขอดำเนินคดีให้ถึงที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างจะได้ไม่ไปรังแกข่มแหงประชาชนที่ประกอบอาชีพสุจริตได้อีกต่อไป.

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน