เพชรบูรณ์-ทวงผืนป่า!ศปป.4และชุดพยัคฆ์ไพร จับผู้บุกรุกป่าน้ำหนาวยึดแบ็กโฮกำลังแผ้วถางพื้นที่เป็นของกลาง
วันที่ 11 ม.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะเจ้าหน้าที่ประกอบด้วยชุดปฏิบัติการ ศปป. 4 กอ.รมน. นำโดยพ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ พร้อมชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ ลงพื้นที่ปฏิบัติการทวงคืนผืนป่าโดยบังคับใช้กฎหมาย ในพื้นที่บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำหนาว อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ โดยเข้าทำการจับกุมแล้วแจ้งเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาที่ พช.5 (นาพอสอง)รวม 10 นาย เข้ามาร่วมจับกุมตรวจยึดรถแบ็กโฮ และพื้นที่บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติน้ำหนาวโดยใช้เครื่องจักรกลหนัก โดยเกิดเหตุอยู่ในพื้นที่หมู่ 4 บ้านโนนชาติ ต.หลักด่าน อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ สืบเนื่องจากเย็นวันที่ 9 ม.ค.61 พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ และชุดพยัคฆ์ไพรเดินทางไปตามคดีรุกป่าที่ สภ.น้ำหนาวเมื่อเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุอยู่ริมถนนสาย กกกะทอน-น้ำหนาว พบรถแบคโฮ 1 คัน จอดอยู่ห่างจากถนนประมาณ 80 เมตร
ทั้งนี้จากจุดที่รถแบ็กโฮจอดทางคณะเจ้าหน้าที่พบ พื้นที่มีร่องรอยการขุดรากไม้ยูคาลิปตัสและไม้ธรรมชาติหลายชนิดใช้รถดันไม้มากองไว้บริเวณขอบแปลงจำนวนมาก และมีการปรับพื้นที่จนเตียนโล่งไปแล้วเป็นบริเวณกว้างประมาณ 30 ไร่ จึงจับค่าพิกัดตรวจสอบพบว่า พื้นที่บุกรุกอยู่ในลุ่มน้ำชั้น 1 A มีทั้งที่อยู่ในแปลงที่ดินที่มีการสำรวจการถือครองตามมติ ครม.30 มิ.ย.41 (สทก.) แต่มีการซื้อขายเปลี่ยนมือเป็นของนายทุนรายนี้แล้ว และที่บุกรุกอีกส่วนหนึ่งอยู่นอกแปลงสำรวจ
จากการสอบถามผู้ดูแลชื่อลุงเล็กหรือนายปรีชา น้อยนิยม อายุ 60 ปีให้การว่า ตนเป็นผู้ดูแลที่ดินทั้งหมดของนายทุนชื่อป๋าแอ๊ะซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 200 ไร่ และตนเป็นคนติดต่อว่าจ้างรถแบคโฮจากลูกชายนักการเมืองในพื้นที่ให้มาโค่นต้นไม้ และขุดรากไม้ออก รวมทั้งปรับพื้นที่เพื่อให้ชาวม้งที่มาจากบ้านเข็กน้อยเช่าปลูกขิง เจ้าหน้าที่จึงสอบปากคำผู้ดูแลและเจ้าของรถแบ็กโฮไว้ก่อน จากนั้นทางคณะเจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดพื้นที่รวม 172 – 1 – 88 ไร่ พร้อมรถแบ็กโฮยี่ห้อ KOMATSU สีเหลืองไว้ พร้อมมอบให้ทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้รุดเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.น้ำหนาวเมื่อวันที่ 10 ม.ค.61 ที่ผ่านมา เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำในข้อหาบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะที่คณะเจ้าหน้าที่เข้าทำการจับกุมและยึดรถแบ็กโฮคันดังกล่าว ทางลูกชายนักการเมืองในพื้นที่อ้างว่า ก่อนหน้านี้ได้ดำเนินการนำรถแบ็กโฮเข้าทำการปรับพื้นที่บริเวณดังกล่าวมา 7 วันแล้ว กระทั่งถูกคณะเจ้าหน้าที่ตัึ้งขอสังเกตว่าทำไมไม่มีเจ้าหน้าที่รู้เห็นหรือไม่กล้าจับกุมหรือมีผลประโยชน์ใดแอบแฝงหรือไม่
