X

ศูนย์ฯสัตหีบ จัดบัส 16 คันส่งผีน้อย 240 ชีวิตกลับภูมิลำเนาเช้า 13 มี.ค.

ที่จ.ชลบุรี “ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ การดูแลสุขภาพคนไทย ที่เดินทางมาจากเกาหลีใต้ กองทัพเรือ เตรียมตัวปิดตัวตามคำสั่งรัฐบาล” จัดบัส 16 คันส่งผีน้อย 240 ชีวิตกลับภูมิลำเนาเช้า 13 มี.ค.นี้

ไม่พลาดทุกกระแสร้อนชลบุรี-พัทยา กดรับข่าว “พัทยานิวส์”ผ่านไลน์ได้แล้ววันนี้

เวลา 18.00 น.วันนี้ (12 มี.ค.63) ที่ ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ฯ อาคารรับรองสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ โฆษกกองทัพเรือ พร้อมด้วย นพ.อภิรัต กตัญญุตานนท์ ผอ.การสำนัก งานสุขภาพที่ 6 และ น.ต.หญิง ปฐวี บุญตานนท์ อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน กรณีการชี้แจงขั้นตอนและวิธีการส่งกลับกลุ่มแรงงานไทยจากเกาหลีใต้ ที่พักเฝ้าระวังอาการ จำนวน 240 คนกลับสู่ภูมิลำเนาเดิม หลังมีคำสั่งจากรัฐบาลให้ดำเนินการปิดศูนย์เฝ้าระวังทั่วประเทศทั้ง 232 ศูนย์ ซึ่งอาคารรับรองที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ถือเป็นหนึ่งในนั้นด้วย สำหรับการเตรียมการส่งกลับของแรงงานไทยที่พักอยู่ที่นี่ จะต้องมีหลายขั้นตอน เนื่องจากส่วนใหญ่จะมีภูมิลำเนาอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ซึ่งการเดินทางระยะไกล และใช้เวลานาน  จึงต้องมีการวางแผนการส่งกลับที่เข้มงวด โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 13 มีนาคมนี้

พล.ร.ท.ประชาชาติ เปิดเผยว่าตามที่รัฐบาลได้มอบหมายให้กองทัพเรือจัดพื้นที่เฝ้าระวังที่อาคารรับรอง กอ’เรือยุทธการ อ่าวดงตาล อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เป็น State Querantine เพื่อใช้ในการกักตัวคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ  หลังเกิดวิกฤติการณ์โรคระบาด ไวรัสโควิด-19  ตั้งแต่การรับคนไทยจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ที่หายดีจนปล่อยตัวกลับไป และปัจจุบันมีการรับกลุ่มแรงงานไทยจากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งมียอดรวม 240 ราย ตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมานั้น รวมทั้งต่อมาได้มีคำสั่งให้ทำการจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังในภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศรวม 232 พื้นที่ ปรากฏว่าขณะนี้ได้มีคำสั่งจากรัฐบาลให้ทำการปิดศูนย์เฝ้าระวังทั่วประเทศ รวมที่ฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งทางศูนย์ฯก็คงต้องดำเนินการตามโดยจะยุติการเฝ้าระวังกลุ่มคนไทยจากเกาหลีทั้งหมด และเตรียมความพร้อมในการส่งกลับไปยังภูมิลำเนา หรือที่เรียกว่า Home Querantine ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานขององค์กรอนามัยโลก โดยมีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ดำเนินการดูแลอย่างเข้มงวด อย่างไรก็ตามสำหรับที่อาคารรับรองของฐานทัพเรือสัตหีบนั้น แม้จะมีการส่งคนกับภูมิลำเนาไปแล้ว แต่ทางกองทัพเรือก็ยังจัดเตรียมความพร้อมไว้ ในกรณีที่รัฐบาลต้องการใช้ในกรณีฉุกเฉินหรือเรื่องอื่นใด เช่นการกักตัวผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเพิ่มเติม โดยมีเจ้าหน้าที่และบุคลากรเตรียมความพร้อมไว้อย่างเต็มที่

ด้าน นพ.อภิรัต กตัญญุตานนท์ ผอ.การสำนักงานสุขภาพที่ 6 กล่าวว่าสำหรับคนไทยที่เดินทางกลับจากเกาหลีใต้และพำนักอยู่ที่อาคารรับรองสัตหีบนั้นถือว่ามีสขุภาพร่างกายแข็งแรงดี และไม่มีรายใดเข้าข่ายความเจ็บป่วยหรือเป็นโรคแต่อย่างใด จึงถือเป็นเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงน้อย ทางรัฐบาลจึงมีคำสั่งให้กลุ่มคนเหล่านี้กลับไปเฝ้าระวังที่ภูมิลำเนาหรือบ้านเกิดแทน โดยได้มีการแนะนำความรู้ในการปฏิบัติตัวเป็นอย่างดี และแนะนำให้อยู่ครบ 14 วันหรืออีก 9 วันหลังจากที่เฝ้าระวังที่อาคารับรองแล้วจำวน 5 วัน จากนั้นก็จะออกใบรับรองแพทย์ให้เพื่อแสดงตนว่ามีการกักกันควบคุมโรคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  โดยจะให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และ อสม.เข้าไปตรวจเฝ้าระวัง แนะนำวิธีการปฏิบัติทั้งตัวผู้ที่เดินทางกลับและญาติพี่น้อง  โดยมั่นใจได้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะไม่ออกมาเดินเพ่นพ่านตามพื้นที่ชุมชนให้เป็นที่วิตกกังวลแน่นอน

ขณะที่ น.ต.หญิงปฐวี บุญตานนท์ อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ กล่าวว่าจากการเฝ้าสังเกตดูแล ตรวจวัดไข้ และดำเนินการขั้นตอนกรรมวิธีทุกอย่างพบว่ากลุ่มคนไทยทั้งหมดไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามในช่วงเช้าพรุ่งนี้ (13 มี.ค.) ที่จะมีการนำตัวส่งขึ้นรถบัสโดยสารเพื่อเดินทางกลับจะมีการตรวจวัดไข้อีกครั้ง ซึ่งหากพบมีใครเกิดอาการป่วยก็จะนำส่ง รพ.ทันที สิ่งหนึ่งที่หลายคนเป็นห่วงคือเรื่องของสภาพจิตใจที่กลุ่มคนเหล่านี้อาจถูกสังคมดูไม่ดีและไม่ต้อนรับ จึงอยากให้ทุกพื้นที่เร่งประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจกับสังคมด้วยว่าทางรัฐมีมาตรการควบคุมอย่างดี เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการแพร่ระบาดแน่นอน ที่สำคัญโรคโควิด-19 สามารถติดต่อได้เพียง 2 ทาง คือ ละอองฝอยจาการไอจาม ซึ่งมีระยะในอากาศเพียง 1 เมตร และ การสัมผัสสารคัดหลั่งโดยตรงเท่านั้น โดยไม่มีการล่องลอยและติดกันทางอากาศ จึงอยากให้มีความเข้าใจและเคารพสิทธิของความเป็นคนไทยกันด้วย

สำหรับกำหนดวันนำคนไทยฯ กลับบ้าน ช่วงเช้าวันที่ 13 มี.ค.นี้ จะเริ่มเวลา 08.00 น.เป็นรถโดยสารทั้งหมด 16 คัน เป็นรถบัสใหญ่  13 คัน และรถยนต์โดยสารขนาดเล็ก 3 คัน โดยแบ่งออกเป็นสายการเดินทาง คือ สายอีสาน สายเหนือ สายใต้ สายชลบุรี-ระยอง สายกรุงเทพและปริมณฑล โดยจะมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเป็นผู้อำนวยการเดินทางในรถแต่ละคัน แล้วจะเดินทางไปยังสถานที่ที่ถูกกำหนดไว้ของจังหวัดต่าง ๆ เมื่อถึงสถานที่ที่กำหนด สาธารณสุขจังหวัด จะเป็นผู้มารับเพื่อ เดินทางต่อไปยังบ้านพัก  ก่อนที่สาธารณสุขประจำตำบล จะเป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดการปฏิบัติตนต่าง ๆ

ไม่พลาดทุกกระแสร้อนชลบุรี-พัทยา กดรับข่าว “พัทยานิวส์”ผ่านไลน์ได้แล้ววันนี้

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน