พระนครศรีอยุธยา-น้อมรำลึกถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เนื่องในวันยุทธหัตถี ขณะที่ช้างจากวังช้างอยุธยา ร่วมเดินเทิดพระเกียรติ น้อมรำลึกฯ
วันที่ 18 มกราคม ที่พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทุ่งภูเขาทอง นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานประกอบพิธีวางพานพุ่มดอกไม้สดถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทุ่งภูเขาทอง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เนื่องในวันยุทธหัตถีสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ประจำปี 2560 โดยมีราชการ ทุกภาคส่วน ทหาร ตำรวจ ประชาชนเข้าร่วมกว่า 500 คน โดยมีองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำโดยนางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล เป็นผู้ดำเนินการจัดพิธีในครั้งนี้
ในช่วงบ่ายวันเดียวกันช้างจากวังช้างอยุธยา นำโดยนายลายทองเหรียญ มีพันธ์ เจ้าของวังช้างอยุธยา ได้ร่วมกับนางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายก อบจ.พระนครศรีอยุธยา จัดให้มีการเดินเทิดพระเกียรติ์บริเวณพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยมีการจัดริ้วขบวนโบราณ มีนักเรียนจากโรงเรียนจอมสุรางค์อุปถัมป์ และนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครศรีอยุธยา สวมผ้าชุดไทยโบราณเดินจากทางด้านหน้า แล้วเวียนรอบองค์พระราชานุสาวรีย์ฯ เป็นภาพที่สวยงามตระการตาเป็นอย่างมาก
นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ชาติไทยซึ่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีเนื่องจากเป็นวันคล้ายวันยุทธหัตถีสมเด็จพระนเรศวรมหาราชหรือวันกองทัพไทยเกิดขึ้นจากสงครามยุทธหัตถีในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เมื่อปี 2135 ในครั้งนั้นพระเจ้านันทบุเรงได้ให้พระมหาอุปราชายกทัพใหญ่มาตีกรุงศรีอยุธยาสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงทราบข่าวจึงยกทัพหลวงไปตั้งรับที่หนองสาหร่ายซึ่งระหว่างที่การรบกำลังดำเนินอยู่นั้นช้างพระที่นั่งของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและพระเอกาทศรถก็ได้ไล่ล่าศัตรูไปจนออกนอกเขตแดนจนทำให้ทั้งสองพระองค์ตกไปอยู่ในวงล้อมของศัตรูโดยไม่รู้ตัวแต่ถึงแม้จะอยู่ในสภาวะเสียเปรียบ พระองค์ก็มีพระสติ ไม่หวั่นไหว และทรงแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว คิดว่าทางที่จะรอดได้มีเพียงทางเดียวเท่านั้นคือเชิญพระมหาอุปราชาเสด็จมาทำยุทธหัตถีท้ายที่สุดพระองค์สามารถกระทำยุทธหัตถีได้รับชัยชนะอย่างสมพระเกียรติและนับตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีกองทัพใดกล้ายกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาอีกเลยทำให้ในสมัยนั้นไทยได้ขยายอาณาเขตไปอย่างกว้างขวางกว่าสมัยใด ๆ ซึ่งการทำยุทธหัตถีในครั้งนั้น ถือว่าเป็นการทำยุทธหัตถีที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย
