พระนครศรีอยุธยา-ไฟฟ้าส่องทางดับเสี่ยงรถชน จี้ปล้นบนถนน เหตุจากโซล่าเซลล์ใช้การไม่ได้ ต้นตอมาจากแบตเตอรี่ถูกขโมย ตร.กรุงเก่าล็อคสองวายร้ายชายหญิงได้พร้อมของกลาง เอาไปขายเป็นของเก่าซะงั้น
ช่วงต้นเดือนมกราคม 61 หลังจากที่มีการร้องเรียนของประชาชนจำนวนมาก เกี่ยวกับไฟส่องสว่างทางดับ ถนนเส้นทางหนองน้ำส้ม-อุทัย อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา สาเหตุมาจากแบตเตอรี่ที่มช้กับแผงโซล่าเซลล์ที่ติดอยู่กับเสาไฟฟ้าหายไปจำนวนมาก โดย เจ้าหน้าที่นิติกรชำนาญการ องค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้แจ้งความ ว่าแบตเตอร์รี่ที่เก็บกระแสไฟฟ้า จากแผงโซล่าเซล ที่ติดตั้งบนเสาไฟส่องสว่าง ริมถนนสาธารณะหมู่ที่ 6 ติดต่อกับหมู่ที่ 8 ต.สามบัณฑิต เชื่อมต่อกับ ตำบล หนองไม้ซุง อำเภออุทัย ถูกคนร้ายโจรกรรมไปกว่า 40 ต้น
กระทั่งเช้าวันที่ 6 มค พ.ต.ท.ธานินทร์ ผิวละเอียด รองผกก.สส. สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.ท.มานพ ชาวไร่ สว.สส. ร.ต.อ.ปิยะ หัทยา รองสว.สส.พร้อมกำลัง ได้ออกตรวจสอบ ติดตามหาข่าวจนกระทั่ง ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีบุคคลต้องสงสัยจอดรถจักรยานยนต์อยู่ริมถนนสาธารณะ หมู่ที่ 6 ตำบลหนองน้ำส้ม อำเภออุทัย เจ้าหน้าที่จึงรีบเดินทางไปทำการตรวจสอบ พบนายวีระพงษ์ หรือเล็ก นามสลี อายุ 31 ปี บ้านอยู่ หมู่ที่ 13 ตำบลลำตาเสา อำเภอวังน้อย และนางสาวน้ำทิพย์ ศรีภุมมา อายุ 33 ปี บ้านอยู่ หมู่ที่ 5 ตำบลหนองนกแก้ว อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี มีแบตเตอร์รี่ 12 โวลท์ ยี่ห้องโกลบอลล์ สีเทา ขนาด 150 แอมป์ วางอยู่ข้างๆรถจักรยานยนต์ จึงนำตัวไปสอบสวน
นายวีระพงษ์ บอกว่าตนและนางสาว น้ำทิพย์ ได้ก่อเหตุขโมยแบตเตอร์รี่ เสาไฟเป็นครั้งที่ 2 แต่มาถูกจับกุมเสียก่อน โดยก่อนหน้าตนได้ขโมยแบตเตอร์รี่แล้วนำไปขายให้กับร้านรับซื้อของเก่าแห่งหนึ่งในหมู่ที่ 4 ตำบล อุทัย อำเภออุทัย ในราคา ลูกละ700-900 บาท ตามสภาพ แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ เนื่องจากไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่า เสาไฟฟ้าโซล่าเซลถูกขโมยแบตเตอร์รี่ไปทั้งหมดกว่า 50 ต้น ซึ่งผลของการขโมยแบตเตอรี่ดังกล่าวทำให้กระแสไฟฟ้าส่องสว่างบนถนนดับเป็นระยะทางยาวหลายกิโลเมตร และยังมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุและเกิดอาชญากรรมด้วย อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้จับกุมในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณะประโยชน์ โดยใช้ยานพานหนะในการกระทำความผิด ส่งร้อยเวร สภ.อุทัย ดำเนินคดีต่อไป
