X

เรือล่มกลางเจ้าพระยา ถึงเวลาสวมชูชีพกันหรือยัง

พระนครศรีอยุธยา-อุบัติเหตุเรือจมกลางลำน้ำเจ้าพระยาหน้าวัดพนัญเชิงฯ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงเวลาที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องชัดเจน “ลงเรือต้องสวมชูชีพ”ดีมั้ย

อุบัติเหตุเรือล่มครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายวันที่  29 กันยายน ร.ต.ท. ธนวัฒน์ สกุลวงษ์ รองสว.สอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุเรือยนต์ลากจูงลาก เรือบรรทุกสินค้า ล่มกลางสามแยกแม่น้ำเจ้าพระยา-แม่น้ำป่าสักบริเวณ ท่าน้ำวัดพนัญเชิงวรวิหาร อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา   คนขับเรือพร้อมกับภรรยา จมน้ำสูญหายไปกับเรือ ประสานเจ้าหน้าสมาคมอยุธยารวมใจ กรมเจ้าท่าไปให้การช่วยเหลือ

พบชาวบ้านจำนวนมากมุงดูเหตุการณ์ และเรือยนต์ลากจูง ที่ลากจูงเรือบรรทุกสินค้ามาด้วยกันลอยเรืออยู่กลางสามแยกแม่น้ำ เจ้าพระยากับแม่น้ำป่าสักไหลมาบรรจบกัน มีกระแสน้ำไหลแรงเชี่ยว เป็นวังน้ำวน พบคราบน้ำมันและข้าวของจากเรือยนต์ลากจูงที่จม ลอยอยู่กลางแม่น้ำ  จากการสอบสวน นายนพดล แซ่ดัน ผู้จัดการ ฝ่ายจัดการเดินเรือ ของบริษัท  ซีพีไอ ทรานสปอตร์  จำกัด  กล่าว่าเรือยนต์ที่ ลากจูง จมสูญหายไปภายในแม่น้ำ อยู่ระหว่างลากจูงเรือบรรทุกสินค้า จำนวน 5 ลำ บรรทุกแร่ มาจาก เกาะสีชัง เพื่อไปส่งที่ท่าเทียบเรือ ใน อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา   ช่วงสามแยกแม่น้ำเจ้าพระยา กับป่าสักเป็นจุดที่อันตราย ตนเองต้องมาดูการลากจูง เมื่อมาถึงทราบว่าเรือยนต์ที่ลากจูงเกิดล่มจมสูญหายไปแล้ว เรือยนต์ลากจูงที่เรือ ต้องลากเรือบรรทุกสินค้าไปส่ง ที่ท่าเทียบเรือ  ส่วนเรือยนต์ที่ลากจูง เป็นเรือเหล็ก ขนาดความยาวประมาณ 12 เมตร  จมสูญหายไป มีนาย สมชาย ธารกูล อายุ 60 ปี เป็นคนขับเรือ  และนาง นฤมล ธารกูล ภรรยา โดยสารมาด้วย จมน้ำสูญหายไป

ช่วงขณะเกิดเหตุ มีประชาชนบันทึกภาพวีดีโอขณะเกิดเหตุเอาไว้ได้เห็นว่า เรือนยนต์ลากจูง ลำเกิดเหตุ ทำหน้าที่ดึงท้ายเรือบรรทุกสินค้าเพื่อบังคับเรือไม่ให้พัดไปตามกระแสน้ำ เนื่องจากกระแสน้ำไหลแรงทำให้เรือเสียหลักพลิกตะแคงคว่ำลงกลางแม่น้ำ โดยเห็นภาพของภรรยาของขับเรือยืนอยู่ท้ายเรือ กระเด็นออกมาจากล่มจมสูญหายไป  นางสาว ยุพิน ใสกุศล อายุ 36 ปี นักท่องเที่ยว ที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ตนเองมาท่องเที่ยวที่วัดพนัญเชิงวรวิหาร และเดินมาดูที่ท่าน้ำ พบเห็นเรือยนต์ลากจูง จำนวน 3-4 ลำกำลังลากเรือบรรทุกสินค้า ฝ่ากระกระแสน้ำที่ไหลแรง จังหวะนั้นเห็นเรือ ลำที่จมเสียหลักเอียงแล้วค่อยๆ จมลงกลางแม่น้ำ  โดยที่ไม่เห็นมีใครออกมากจากเรือได้     

ด้านนาย นาวิล คงดี นายกสมาคมอยุธยารวมใจ หน่วยกู้ภัยอยุธยา กล่าวว่า การดำเนินการค้นหาผู้สูญหาย  เป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องจากสามแยกแม่น้ำ แม่น้ำเจ้าพระยากับแม่น้ำป่าสัก ไหลมาบรรจบกัน เป็นกระแสน้ำวน ไหลเชี่ยวและแรงมาก  ยากต่อการลงงมค้นหา ต้องประสานเรือจากรมเจ้าท่าที่มีอุปกรณ์สมอทิ้งดิ่งลงไปจุดที่เรือจม แล้วลากเรือเข้าฝั่ง เพื่อเข้าไปสำรวจภายในห้อโดยสารของเรือได้ เพื่อค้นหาร่างของผู้สูญหาย ทราบข้อมูลจากประชาชนที่เห็นเหตุการณ์ว่าเห็นมีคนลอยออกมาจากเรือ จมสูญหายไปกับเรือ จึงสันนิษฐานว่าน่าจะมีคนหลุดออกมาจากเรือ 1 ราย และยังอยู่ในห้องโดยสารของเรือ น่าจะเป็นคนขับ

ส่วนสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องทำการสอบสวน คนขับเรือยนต์ลากจูง ทั้งหมดที่ลากจูงเรือบรรทุกสินค้ามา  พร้อมทั้งตรวจสอบภาพจากคลิปวีดีโอต่างๆ ที่ประชนชนบันทึกภาพเอาไว้เพื่อสรุปสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุเร่งค้นหาร่างคนขับเรือ เจ้าท่าเตรียมขอให้หยุดเดินเรือช่วงน้ำหลาก

นาวาโทรัชตะ ผกาฟุ้ง ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาอยุธยา เผยเรือที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเรือยนต์ ชื่อ CPI 77 รับจ้างลากจูงเรือเหล็กบรรทุกสินค้า จอดรออยู่บริเวณสะพานอโยธยา โดยมีนายสมชาย ธารกุล อายุ 64 ปี ชาวอำเภอเสนา  เป็นคนขับ และมีนางนฤมล จันทรโชติ ภรรยา อายุ 51 ปี  เป็นนายท้ายเรือ   โดยสาเหตุที่เกิดอุบัติเหตุเพาะกระแสน้ำแรง และเรือลากจูงที่ล่มเกิดเสียหลักวิ่งขวางทางน้ำ  นายท้ายเรือคือนางนฤมล ภรรยานายสมชายคนขับ ที่จมไปกับเรือตัดเชือกไม่ทันทำให้เรือล่ม หลังเกิดเหตุสั่งหยุดการจราจรทางน้ำห้ามผ่านจุดเกิดเหตุเด็ดขาด ส่วนมาตรการควบคุมจะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมชุดใหญ่แก่ปัญหา คาดว่าหากกระแสน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยาและป่าสักไหลแรงอย่างนี้ มีแนวโน้มปิดการเดินเรือยาวหลายวันจนกว่ากระแสน้ำจะไหลลดลงปลอดภัยจึงจะอนุญาติให้เดินเรือสินค้าต่อไปได้ แต่ทั้งนี้ขอนำเข้าที่ประชุมก่อน  โดยในขณะนี้ยังไม่สามารถกู้เรือได้และยังค้นหาร่างของทั้ง 2 คน ได้ มีเจ้าหน้าที่ประดาน้ำของกรมเจ้าท่า ร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยอยุธยา ร่วมกันค้นหาต่อเนื่อง ท่ามกลางน้ำที่มีความแรงทำให้การค้นหาเป็นไปอย่างยากลำบาก

นางสาวปุณยาพร ธารกุล อายุ 35 ปี ลูกสาวของนายสมชาย ธารกุล กล่าวว่า ตนเองทำงานอยู่และได้รับแจ้งว่าเรือของพ่อล่ม จึงรีบมาดู ตอนนี้ได้แต่ภาวนาให้ร่างของทั้งสองให้เจอไว ๆ พอไม่ได้พูดอะไรที่เป็นลางไม่ดี  มีแต่พ่อโทรหาป้า ให้มารอที่บริเวณวัดเชิงตอน 14.00 น.เพื่อรับกลับบ้านเสนา เท่านั้น

ทีมหน่วยกู้ภัยอยุธยารวมใจ และทีมเรือ ของบริษัท CIP ฯ  เร่งระดมค้นหาเรือ  CPI 77 ที่ล่มกลางแม่น้ำป่าสักรอยต่อแม่น้ำเจ้าพระยา ตลอดทั้งวันตั้งแต่ประสบเหตุล่ม โดยเจ้าหน้าที่ใช้เรือติดระบบซาวเดอร์ค้นหาใต้น้ำเพื่อพิสูจน์ทราบสิ่งของใต้น้ำก่อนจะทิ้งสมอเพื่อโต่งไม่ให้เคลื่อนที่และใช้ชุดประดาน้ำของหน่วยกู้ภัยอยุธยา ลงดำน้ำพิสูจน์ว่า ใช่เรือลำที่ล่มหรือไม่จนถึงเวลา 20.00 น.จึงยุติการค้นหา

ด้านนาวาโทรัชตะ ผกาฟุ้ง ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาอยุธยา  หลังเกิดเหตุสั่งหยุดการจราจรทางน้ำห้ามผ่านจุดเกิดเหตุเด็ดขาด  ถึงแม้จะได้รับผลกระทบภาคของเศรษฐกิจ ในการบรรทุกสินค้า ที่จะผ่านจุดนี้ ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้อันตรายมาก ต้องรักษาชีวิตคนที่อาจจะเกิดอุบัติเหตุแบบนี้ซ้ำอีกเพราะการระบายจากแม่น้ำป่าสักและแม่น้ำเจ้าพรยาที่ไหลมารวมบริเวณสามแยกนี้

เช้าวันที่ 30 กย. นายพิษณุ สัตะปัน หัวหน้ากลุ่มปฏิบัติงานใต้น้ำ เรือเอกฐาพล สมสกุล ประจำสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคง กับ กอ.รมน.กองทัพเรือ ชวยราชการศูนย์ ปภ.เขต4 ประจวบฯ กรมเจ้าท่า พร้อมเจ้าหน้าที่จากเจ้าท่าจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เดินทางมาร่วมหารือและวางแผนในการนำเรือไซด์สแกนโซน่า ซึ่งเป็นเรื่อติดตั้งอุปกรณ์ระบบสำรวจใต้ท้องน้ำ มาใช้สแกนหาซากเรือที่จมลงไปตั้งแต่เมื่อวันที่ผ่านมา ซึ่งเรือสแกนดังกล่าวจะสามารถมองเห็นวัตถุใต้น้ำหรือซากเรือที่จมอยู่ในรูปแบบของภาพ 3 มิติ และบอกถึงระดับความลึกในจุดที่พบได้ โดยนายพิษณุ เปิดเผยว่าบริเวณจุดเกิดเหตุขณะนี้เป็นช่วงน้ำวน และเป็นแยกน้ำส่งออกทั้งหมด จุดที่คาดว่าเรือจมลงน่าจะเป็นจุดที่น้ำวน ลึกไม่น้อยกว่า 20 เมตร จึงเป็นอุปสรรคต่อการลงไปค้นหาด้วยประดาน้ำ ซึ่งจากการประเมินคาดว่ากระแสน้ำด้านล่างอาจจะพัดร่างผู้ที่ติดอยู่ออกจากตัวเรือ หรืออาจจะติดอยู่จากแรงดันในห้องคนขับ อย่างไรก็ตามหากพบซากเรือก็จะต้องรอให้น้ำนิ่งกว่านี้ จึงจะนำเรือขึ้นมาได้

นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิสุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ด้านปลอดภัย เดินทางมาอำนวยการค้นหาเรือจมที่หน้าวัดพนัญเชิงวรวิหาร อ พระนครศรีอยุธยา โดยทีมปฎิบัติการได้ใช้โซ่ขนาดใหญ่ ลากขนานลำน้ำ และใช้เครื่องสแกนโซน่าทำการค้นหา ซึ่งจนท สามารถใช้โซ่เกี่ยววัตถุใต้น้ำได้แล้ว อยู่ที่ความลึก ประมาณ20 เมตรกลางแยกแม่น้ำ ซึ่งกระแสน้ำแรงมาก จากนั้นได้ให้ประดาน้ำจำนวน 2 คนลงไปสำรวจ ซึ่งล่าสุดยืนยันว่าเป็นเก๋งเรือที่จมลงไป จนท ได้ประสานกับทางบริษัทเรือ เพื่อมาวางแนวทางในการกู้เรือลำดังกล่าว ขณะที่ชุดประดาน้ำยืนยันว่ายังไม่พบร่างของผู้สูญหาย คาดว่าจะถูกกระแสน้ำพัดออกจากเรือแล้ว

เวลา 19.00 น.วันที่ 30 กันยายน  นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิสุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ด้านปลอดภัย   ทีมงานเจ้าพระยา ฝ่ายกู้ภัยทางน้ำ หน่วยกู้ภัยอยุธยา ลงดำน้ำนำเชือกขนาด 57 มิลเมตร ยาว 100 เมตร จำนวน  2 เส้น ผูกติดซากเรือโต่งที่ล่มกลางจุดแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่ป่าสัก บริเวณวัดพนัญเชิงวรวิหาร  โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมงสามารถโยงเรือได้สำเร็จและทาง บริษัท ฯ  เจ้าของเรือได้ใช้เรือโยงขนาดใหญ่จำนวน 2 ลำดึงซากเรือ และใช้อีก 2 ลำโต่งเรือลำที่ดึง โดยใช้เวลา 30 นาที ยังไม่สามารถขยับซากเรือที่จมได้  และเชือกที่ผูกกับตัวเรือขาดลง  จึงยุติการค้นหาในเวลา  21.30 น.

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

สัมฤทธิ์ เจียมเจริญพรกุล

สัมฤทธิ์ เจียมเจริญพรกุล

รัฐประศาสนศาสตร์บัณฑิต การเมืองการปกครองท้องถิ่น สถาบันเทคโนโลยีแห่งอโยธยา ปริญญาบริหารธุรกิจ มหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มทร.สุวรรณภูมิ ปริญญามหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครศรีอยุธยา รางวัลพระราชทานเทพทอง สมาคมนักวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย นักเรียนการแสดง รัชฟีล์มที่วี artspa ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา บรรณาธิการข่าวสถานีโทรทัศน์เคเบิลเอทีวี บรรณาธิการเจ้าของเพจสถานีข่าวเอทีวี นักเขียนอิสระ