พระนครศรีอยุธยา-ผู้ว่าฯ ตรวจเยี่ยมการจัดตั้ง รพ.สนาม จากความร่วมมือของภาคเอกชน แห่งแรก ในสวนอุตสาหกรรมโรจนะ อ.อุทัย และเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ขนาด 450 เตียง 
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2564 เวลา 15.30 น. นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ เจริญไพฑูรย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด นพ.พีระ อารีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด นางพิศมัย เลิศอิทธิบาท ประชาสัมพันธ์จังหวัด เดินทางไปตรวจเยี่ยมการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ณ สวนอุตสาหกรรมโรจนะ ณ อาคารเลขที่ 40/35-36 หมู่ที่ 5 ต.อุทัย อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา โดยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน โดยมี นายสมลักษณ์ ยกน้อยวงษ์ นายอำเภออุทัย นายเสรี กิ้มจ้อง ผู้จัดการบริษัทสวนอุตสาหกรรมโรจนะ นายสุรศักดิ์ กับรัมย์ ผู้บริหารบริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ นพ.เศกสรรค์ ชวนะดีเลิศ ผอ.รพ.อุทัย ผู้แทน ผอ.รพ.เอเชียอินเตอร์ และผู้เกี่ยวข้อง บรรยายการเตรียมการและนำเยี่ยมชมสถานที่ เพื่อรองรับการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
สำหรับการจัดตั้ง รพ.สนาม แห่งนี้ เกิดขึ้นด้วยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เป็นแห่งแรกของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ร่วมกับบริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) และบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล (ประเทศไทย) จำกัด สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รพ.อุทัย และ รพ.เอเชียอินเตอร์ โดยการสนับสนุนให้ใช้พื้นที่อาคารเลขที่ 40/35-36 ของบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งสามารถรองรับผู้ป่วย ขนาด 450 เตียง เพื่อรองรับการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่มีอาการสีเขียว ถึง สีเหลืองอ่อน พร้อมทั้งจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องเอ็กซเรย์ปอดแบบเคลื่อนที่ ไว้ใช้ประจำที่ รพ.สนามแห่งนี้อีกด้วย
หลังจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมคณะได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมและให้กำลังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและผู้ป่วยผู้ป่วยติดเชื้อโควิด ณ ศูนย์พักคอย ต.คานหาม อ.อุทัย และได้พูดคุยกับผู้ติดเชื้อภายในศูนย์แห่งนี้ผ่านระบบเสียงตามสาย เพื่อเป็นการให้กำลังใจและอวยพรให้ทุกคนหายป่วยจากโรคโควิด-19 พร้อมแนะนำวิธีปฏิบัติตัวเมื่อครบระยะเวลาการกักตัว นอกจากนี้ ยังขอให้ผู้ป่วยได้สื่อสารไปยังญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง เนื่องจากขณะนี้ ยังมีผู้ติดเชื้อในระบบประกันสังคม ต้องการรักษาตามสิทธิของตนเองมากกว่าการเข้าระบบศูนย์พักคอย แต่โรงพยาบาลตามสิทธิไม่สามารถรองรับจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อจำนวนมากในเวลาพร้อมกันนี้ อาจทำให้เกิดความล่าช้าในการรักษา จึงขอให้มาอยู่ที่ศูนย์พักคอยของภาครัฐ ซึ่งสามารถดูแลรักษาได้เช่นเดียวกัน เพื่อลดสาเหตุการแพร่ระบาดในครอบครัวต่อไป 
