พระนครศรีอยุธยา-ชาวบ้านพร้อมใจอยู่บ้านเคอร์ฟิว ผู้ว่าฯให้กำลังใจตำรวจ อาสา มูลนิธิหน่วยกู้ภัย ปล่อยแถวปฏิบัติหน้าที่ ภายใต้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
วันแรกของประกาศเคอร์ฟิว หรือ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน วันที่ 3 เมษายน ที่ บริเวณด้านหน้าอาคารที่ทำการ ตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานในพิธีปล่อยแถวการปฏิบัติหน้าที่ภายใต้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (ฉบับที่2) โดยมี พล.ต.ต.สุรพล. เปรมบุตร รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ต.สุรศักดิ์ ปรักกมะกุล ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรพระนครศรีอยุธยา พร้อม เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร อส.มูลนิธิต่าง ๆ มา ร่วมพิธีปล่อยแถวในครั้งนี้
นายภานุ แย้มศรี กล่าวว่า ต่างจังหวัด ได้สั่งการ ให้นายอำเภอองค์กรปกครองท้องถิ่นลงพื้นที่ ทำความเข้าใจ และคำอธิบายการปฏิบัติตัวในช่วง สถานการณ์ฉุกเฉินให้กับประชาชนตามชุมชนต่างๆได้เข้าใจวิธีการปฏิบัติตัวในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉินรวมถึงให้หน่วยงานในท้องถิ่น เฝ้าระวัง ภายในชุมชน ปฏิบัติตนตามคำสั่งของจังหวัดและคำสั่งสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างเคร่งครัด ซึ่งเน้นย้ำให้จนท.ปฎิบัติกับประชาชน ผู้ที่ยังไม่สามารถปฎิบัติตามคำสั่งได้แบบร้อยเปอร์เซ็น อาจจะกลับไม่ทัน ก็ให้แนะนำตักเตือน ดูเจตนาเป็นหลัก
พลตำรวจตรีสุรพล. เปรมบุตร กล่าวว่าตามที่ทางรัฐบาล ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรและได้ออกข้อกำหนด ฉบับที่ 2 ห้ามบุคคลใดทั่วราชอาณาจักร ออกนอกเคหสถาน ระหว่างเวลา 22.00 น. ถึงเวลา 04.00น. ของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่มีความจำเป็นนั้นตำรวจภูธรภาค 1 มีข้อสั่งการ/ และแนวทางการปฏิบัติภายใต้พระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นกับผู้ที่ยังฝ้าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพิ่มความเข้มในการออกตรวจตรา จุดตรวจในพื้นที่ และจุดตรวจต่าง ๆ ระหว่างจังหวัดและกรุงเทพฯ
ก่อนหน้านั้นผู้สื่อข่าวได้ออกไปสำรวจความคิดเห็นประชาชนที่ตลาดหลังสำนักงานทีโอที หรือตลาดองค์การ ถนนบางเอียน ซึ่งเป็นตลาดที่มีประชาชนไปจับจ่ายซื้อหาอาหารรับประทานกันจำนวนมาก ซึ่งมีการติดตั้งเครื่องพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อแบบเซ็นเซอร์ของเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยาทั้งสองด้าน เพื่อให้ประชาชนเดินผ่าน ขณะที่แม่ค้าส่วนใหญ่เริ่มเก็บของเร็วขึ้นจากที่เคยเก็บเวลา 20.30 หรือ 21.30 น. ก็เปลี่ยนมาเก็บ 19.30 หรือ 20.00 น.เพื่อให้ทันกลับบ้าน ซึ่งทำให้หลังเวลา 22.00 น.ถนนสายต่างๆในเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยาเงียบสนิท
