X

พัทลุง! ร้องสื่อถูกปลอมแปลงลายมือชื่อกู้เงินสหกรณ์ฯ จนครอบครัวเดือดร้อนแสนสาหัส

ร้องสื่อถูกปลอมแปลงลายมือชื่อกู้เงินสหกรณ์ฯจนครอบครัวเดือดร้อนแสนสาหัส ต้องขายวัวในคอก 7 ตัวเพื่อต่อสู้คดีแต่ก็แพ้คดี 

ผู้สื่อข่าว จ.พัทลุง รายงานว่า เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านพักของ ดต.เจริญ โอฬารพฤกษ์ อายุ 76 ปี อยู่บ้านเลขที่ 151 ม.10 ต.นาขยาด อ.ควนขนุน จ.พัทลุง อดีตตำรวจ สภ.นาขยาด อ.ควนขนุน หลังจากที่ได้รับการร้องเรียนจากนางสาวเบญจวรรณ ฯ อายุ 48 ปี ผู้เป็นบุตรสาวว่า ครอบครัวได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากการที่ถูกปลอมแปลงลายเซ็นผู้เป็นบิดาและมารดา

 

น.ส.เบญจวรรณฯ ได้นำเอกสารหลักฐานต่างๆ มามอบให้ผู้สื่อข่าวมากมาย และสรุปเหตุการณ์ที่ถูกปลอมแปลงรายชื่อของ ดต.เจริญ ฯ และนางประโลมฯ อายุ 70 ปี ว่าในปี พ.ศ.2557 ทางบิดาฯได้ยื่นกู้เงินสหกรณ์ฯไปเป็นจำนวน 300,000 บาท แต่ถูกแก้ตัวเลขการกู้เงินเป็น 500,000 บาท และได้เงินมาเพียง 188,649 บาท ต่อมาในปี 2560 ยื่นกู้เงินไป 500,000 บาท แต่ได้เงินมาเพียง 183,626 บาท ตนมั่นใจว่าพ่อน่าจะถูก จนท.สหกรณ์ออมทรัพย์ฯน่าจะเป็นผู้ลงลายเซ็นปลอมของพ่อและแม่ จึงได้ยื่นเรื่องขอให้ตรวจสอบลายมือชื่อทั้ง 2 คนไปยังศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 ยะลา พบว่าบางจุดมีการใช้ลายเซ็นปลอม ทาง จนท.การเงินของตำรวจภูธรจึงได้สั่งระงับการหักเงินเดือนของบิดาฯให้แก่สหกรณ์ฯ

 

ต่อมาเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2561 สหกรณ์ฯโดยนางสาวสุภา สุวรรณเดชากุล อดีตผู้จัดการฯได้ยื่นฟ้องบิดาของตนพร้อมผู้ค้ำเงินกู้ทั้ง 2 ราย ซึ่งครอบครัวของตนก็ได้ต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมจนต้องขายวัวในคอกหมดไป 7 ตัว แต่ก็แพ้คดีแพ่งในที่สุดซึ่งสาเหตุสำคัญน่าจะมาจากทนายความไม่ส่งเอกสารการตรวจสอบศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 ยะลา ตามกระบวนการยุติธรรม ทำให้ครอบครัวต้องไปยืมเงินมาให้กับสหกรณ์ จำนวน 430,000 บาท เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2563 โดยในวันดังกล่าวนายสมรักษ์ฯ ผู้เป็นน้องชายที่นำเงินไปชำระจากการแพ้คดีแพ่งมีอาการเครียดจนต้องนำส่งโรงพยาบาลจิตเวช ส.สงขลา ในวันรุ่งขึ้น(ที่ 8) ซึ่งขณะนี้ผู้เป็นน้องชายก็ต้องกินยารักษาตัวเองมาอย่างต่อเนื่องจนถึงจนปัจจุบัน ในส่วนของผู้เป็นบิดาก็มีอาการเครียดจนต้องล้มป่วยเช่นกัน

 

น.ส.เบญจวรรณฯ เผยว่า ในการต่อสู้คดีในครั้งนี้ครอบครัวของตนถูกภัยมืดข่มขู่ตลอดเวลา บางครั้งก็มีตำรวจบางนายมาขอให้ยอมรับลายเซ็นที่เป็นของปลอม แต่ครอบครัวตนก็ไม่ยอม การพ่ายแพ้คดีแพ่งนั้นตนขอน้อมรับ และไม่ติดใจต่อคำตัดสินของศาล และไม่ขอกล่าวโทษการดำเนินงานของสหกรณ์ฯที่เป็นนิติบุคคลเพราะเชื่อว่าคณะกรรมการดำเนินงานสหกรณ์ฯ และสหกรณ์ฯคงไม่มีส่วนรู้เห็นในการที่ครอบครัวของตนถูกโกงในครั้งนี้ แต่ติดใจการทุจริตในครั้งนี้น่าจะเป็นการกระทำของ จนท.สหกรณ์ฯบางรายที่น่าจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการโกงในครั้งนี้ จึงต้องเข้ามาร้องทุกข์ต่อสื่อมวลชนเพื่อขอให้ทุกฝ่ายมาเจรจาหาข้อยุติในเรื่องดังกล่าว หากไม่ได้ผลตนก็ขอเรียกร้องให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้รื้อฟื้นคดีใหม่ เพื่อนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป ครอบครัวของตนไม่กล้าที่จะยื่นฟ้องร้องกับใครเพราะกลัวความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งในขณะนี้ครอบครัวของตนกำลังประสบความเดือดร้อนอย่างมากมาย ข่าวคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป

  ณรงค์ศักดิ์ บุญน้อย ผู้สื่อข่าวจังหวัดพัทลุง

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน