X

ชาวเน็ตโพสต์ พบวัดร้างบนหน้าผา ต้องปีนเถาวัลย์ขึ้นไป ในป่าที่อำเภอปากท่อ

ราชบุรี     จากกรณีมีผู้ใช้ติ๊กตอกชื่อ chayaphat bhumalee ได้โพสต์วิดีโอและข้อความระบุว่า  “ วัดร้างลับบนหน้าผา มีทางขึ้นเดียวก็คือปีนเถาวัลย์ขึ้นบันได ข้างบนมีถ้ำวัดร้าง มีพระพุทธรูป และรูปเขียนฝาผนัง พิกัดอยู่ที่ราชบุรี #ราชบุรี #วัดร้าง #ถ้ำ #ป่า #วัดโบราณ ” จนเป็นกระแสในโลกโซเซียล ภายหลังได้มีการลงมาสำรวจจนพบว่าวัดร้างดังกล่าว เป็นสำนักสงฆ์เขาช้างถ้ำพลอง ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.หนองกระทุ่ม อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี โดยระบุว่าสำนักสงฆ์แห่งนี้เป็นสำนักสงฆ์ที่ถูกทิ้งร้างมานานกว่า 40 ปี

       ในวันนี้ (28 พ.ย.65) ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปตรวจสอบพร้อมกับ นายทวีศักดิ์ กานต์วรัญญู ผู้ใหญ่บ้าน ม.8 ต.หนองกระทุ่ม อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี   ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งเป็นผู้ที่รู้จักสำนักสงฆ์แห่งนี้เป็นอย่างดี และ เมื่อครั้งสมัยวัยเด็กยังได้ขึ้นไปยังบนถ้ำและบนยอดเขาดังกล่าว โดยพาผู้สื่อข่าวเข้าไปสำรวจตามจุดต่างๆ ของสำนักสงฆ์เขาช้างถ้ำพลอง ตามที่ปรากฏในคลิปไวรัลดังในติ๊กตอก พบว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางมาจากต่างจังหวัดจำนวนมาก พากันเดินทางมาเพื่อที่จะชมวัดร้างตามที่เป็นกระแสข่าว  แต่ปรากฏว่า ทางผู้นำชุมชนได้นำเชือกแดงมาขึงกั้นล้อมรอบบริเวณบันไดทางขึ้นเอาไว้ หลังจากที่ทาง นายอำเภอปากท่อ ได้สั่งปิดจุดดังกล่าวไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากเกรงว่านักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจะปีนเถาวัลย์ขึ้นไปตามที่ปรากฎคลิปโดยพบว่าบันไดที่สร้างติดกับหน้าผาของเขาช้างตามที่ปรากฏในคลิป ยังคงมีสภาพแข็งแรง แต่ช่วงบันไดชั้นแรก จากคำบอกเล่าของผู้นำชุมชน เดิมจะมีบันไดที่ทำมาจากเหล็กพาดขึ้นไปที่เชิงบันไดชั้นที่ 2 ถูกโจรขโมยนำเหล็กไปขายจึงถูกตัดขาด แต่ปรากฏว่ามีเถาวัลย์เลื้อยห้อยลงมาจากเชิงบันไดชั้นสอง จนถึงเชิงบันไดชั้นที่หนึ่ง ทำให้สามารถใช้ปีนขึ้นไปตามที่ปรากฎในคลิปดังกล่าว แต่เนื่องจากเถาวัลย์มีอายุเก่าแก่ทางหน่วยงานเกรงหาก นักท่องเที่ยวเข้ามาปีนเพื่อขึ้นไปชั้นบนอาจขาดร่วงหล่นลงมาจนได้รับอันตรายได้

       จากการสำรวจชั้นบนหลังจากขึ้นบันไดชั้นที่ 4 จะพบเป็นถ้ำรอดที่สามารถทะลุไปอีกฝั่งเขาได้ มีพระพุทธรูปปางห้ามญาติตั้งอยู่บนแท่นปูนด้านหลังเป็นก้อนหินขนาดใหญ่คล้ายธรรมจักร ส่วนด้านข้างพบพระนอน และ พระถือบาตร และ นางกวักท่ายืน 1 องค์ จากนั้นเดินลอดถ้ำขึ้นไปชั้นบนจนทะลุไปอีกฝั่งของถ้ำ พบมีสิ่งปลูกสร้างรกร้าง พบพระจีน หล่อด้วยทองเหลือง “พระมีนเต็กฮุต” ระบุซ่อมเมื่อ 12 ส.ค.23 หรือ มีอายุกว่า 42 ปี และยังพบ พระพุทธรูปทองเหลือง สลักชื่อว่า “พระพุทธโสธร” ไม่ระบุปี พ.ศ.ที่สร้าง คาดว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า 40 ปีเช่นกัน อยู่ในสภาพสมบูรณ์

          ส่วนด้านบนสุดของยอดเขาซึ่งเดิมเป็นที่ตั้งของพระพุทธรูป สามารถชมทัศนียภาพได้ 360 องศา และ ยังสามารถมองเห็นในระดับสายตา เห็นภาพภูเขาที่ คล้ายกับ หญิงสาว กำลงนอนหงาย “มีช่วงหัว หน้าอก ช่วงท้องเหมือนกำลังใช้มือกุมท้อง และ ช่วงขา” สภาพสวยงาม ถือเป็นอีก 1 อันซีนของแหล่งท่องเที่ยวอีก 1 แห่งของจังหวัดราชบุรี หากมีการพัฒนาและเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว

          นอกจากนี้ พื้นที่บริเวณใกล้เคียงโดยรอบ พบว่า มีศาลาวิหาร หอระฆัง พระนอน และที่เก็บอัฐิของ หลวงพ่อคง จนฺทโชโต เจ้าสำนักสงฆ์เขาช้างถ้ำพลอง ผู้บุกเบิกและสร้างสำนักสงฆ์แห่งนี้ และยังพบถ้ำที่อยู่ห่างจากจุดแรกไป 100 เมตร สามารถเดินขึ้นไปชมได้ มีบันไดที่ยังคงมีสภาพแข็งแรง ปากถ้ำมีรากของต้นไม้ห้อยปกคลุมปากทางเข้าถ้ำไว้ และที่หน้าถ้ำมีพระปางห้ามญาติ 1 องค์ เมื่อเดินเข้าไปภายในถ้ำ ขึ้นบันใดไปชั้นบนซึ่งเป็นทางตันไม่สามารถทะลุไปอีกฝั่งได้ พบพระนอน 1 องค์ และ พระฤษี อีก 1 อง์ ที่ผนังมีข้อความก่อด้วยปูนซีเมนซ์เป็นอักษร ระบุข้อความว่า “สร้างเมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 มิ.ย.07 หลวงพ่อคง และ บรรดาสานุศิษย์ร่วมกันสร้าง” หรือ รวมอายุในการสร้างถึงปัจจุบันได้ 58 ปี

        จากการสอบถาม พระมหาสนิท เตชะสีโร  ซึ่งเป็นอดีตพระที่เคยจำพรรษาที่สำนักสงฆ์เขาช้างถ้ำพลอง แห่งนี้  ก็บอกว่า สำนักสงฆ์ร้างดังกล่าว ถูกทิ้งร้างในสมัยของตนเอง ปัจจุบัน ก็ ประมาณ 12 ปี แล้ว ย้อนกลับไป ตนได้มาจำวัดเป็นประลูกวัดเมื่อปี 2540 มีพระสงฆ์จำวัดรวมทั้งเจ้าสำนักสงฆ์ด้วย จำนวน 3 รูป ซึ่งเป็น 3 พี่น้องกัน แต่ไปสังกัดอยู่ที่วัดโพธิ์ศรี เนื่องจากสำนักสงฆ์อยู่ในพื้นที่ป่าไม่มีโฉนด ในตอนที่จำพรรษาอยู่ที่บริเวณเชิงเขานั้น มีความเงียบสงบเหมาะแก่การปฏิบัติธรรม และจากสิ่งปลูกสร้างที่เห็นก่อนที่จะย้ายมาตั้งวัดที่ปัจจุบัน ตนเองก็ได้สร้างศาลาปฏิบัติธรรมไว้งบประมาณ 4 แสนบาท แต่ก็ยังสร้างไม่เสร็จ จนกระทั่งประมาณปี 2553 ทางหน่วยงานได้เข้ามาทำถนนลาดยาง ตนมองว่าจะเกิดความวุ่นวาย จึงได้ตกลงกัน 3 พี่น้องได้จัดหาซื้อที่ดินผืนใหม่อยู่ห่างไปประมาณ 200-300 เมตร เพื่อจะได้ตั้งวัดให้ถูกต้อง เพราะตนเองและพระอีก 2 รูปต้องไปใช้สังกัดที่วัดอื่น ประกอบกับอยากทำให้เกิดความถูกต้องตามกฎหมายของทางป่าไม้ และ คณะสงฆ์ด้วย จึงตัดสินใจออกมาจำพรรษาในที่ดินที่ได้ซื้อไว้ และขอตั้งวัดในชื่อ “วัดเขาช้างมงคลวนาราม” ตั้งเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542  และไม่มีพระสงฆ์เข้าไปจำพรรษาได้เนื่องจากทางคณะสงฆ์ไม่อนุญาต ให้เข้าไปพำนัก หรือ จำพรรษา ที่สำนักสงฆ์ดังกล่าว จึงถูกปล่อยทิ้งร้างมาจนถึงปัจจุบัน รวมแล้ว 12 ปีเศษ

        ด้านนายทวีศักดิ์ กานต์วรัญญู ผู้ใหญ่บ้าน ม.8 กล่าวว่า ตนเติบโตที่นี่รู้จักที่นี่เป็นอย่างดี ตอนเด็กๆ เคยขึ้นไปเที่ยวบนยอดเขา ข้างบนมีความสวยงาม โดยเฉพาะหลวงพ่อคง จนฺทโชโต เป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้านเป็นอย่างมาก เป็นที่รักของชาวบ้าน ท่านยังมีเมตตาช่วยเหลือชุมชน สร้างโรงเรียน พัฒนาหมู่บ้าน ท่านได้สร้างสำนักสงฆ์แห่งนี้ไว้เพื่อให้ชาวบ้านในสมัยนั้นได้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเข้าวัดทำบุญ และเข้ามาปฏิบัติธรรม จนมีคณะศิษย์มาจากกรุงเทพได้มาปฏิบัติธรรมกันที่นี่ แต่เนื่องด้วยที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ของป่าไม้ ไม่สามารถขอตั้งวัดได้ จนหลวงพ่อคงมรณภาพไป มีเจ้าสำนักขึ้นมาใหม่ก็ไม่สามารถขอตั้งวัดได้จึงย้ายไปตั้งวัดที่ห่างไปไม่ไกล แต่ช่วงแรกก็ยังดูแลควบกันไป จนกระทั่งมีการประกาศป่าชุมชน ไม่สามารถเข้ามาพักอาศัยได้ สำนักสงฆ์แห่งนี้จึงถูกทิ้งร้างไป

         และจากกระแสโชเชียลดังกล่าว ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมากันจำนวนมาก ตนจึงต้องจัดเวรยามกันเข้ามาดู และทางอำเภอได้ให้ใช้เชือกแดงกั้นพื้นที่ไว้ก่อน เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวปีนเถาวัลย์ขึ้นไป เพื่อไม่ให้เกิดอันตราย และจะมีการประชุมปรึกษาหารือกันว่าจะดำเนินการเข้ามาพัฒนากันอย่างไร ซึ่ง ตนมองว่าถ้ามีการเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่แห่งนี้มีความสวยงาม บนยอดเขาถ้ำสามารถเดินทะลุไปอีกฝากหนึ่งได้ มีพระพุทธรูปให้กราบไว้ขอพร และยังสามารถชมวิวได้ 360 องศาด้วย ซึ่งทางชุมชนบ้านเขาช้างยินดีต้อนรับทุกท่าน

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

สายชล โอชะขจร

สายชล โอชะขจร

ผู้สื่อข่าวราชบุรี