ราชบุรี หลังจากที่ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม อายุ 43 ปี ผบ.หมู่ กก.4 บก.1 ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาในคดี เป็นข้าราชการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ โดยการข่มขืนใจผู้อื่นให้ทำงานหรือให้บริการโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของบุคคลนั้นเอง หรือผู้อื่น โดยเป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจาก หรือส่งไปยังที่ใด หน่วงเหนี่ยวกักขัง จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ ซึ่งบุคคลใด โดยข่มขู่ ใช้กำลังบังคับ ลักพาตัว ฉ้อฉล หลอกลวง ใช้อำนาจโดยมิชอบ ใช้อำนาจครอบงำบุคคลด้วยเหตุที่อยู่ในภาวะอ่อนด้อยทางร่างกาย จิตใจ การศึกษา หรือทางอื่นใดโดยมิชอบ ขู่เข็ญว่าจะใช้กระบวนการทางกฎหมายโดยมิชอบ หรือโดยให้เงินหรือผลประโยชน์อย่างอื่น แก่ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลบุคคลนั้น เพื่อให้ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล ให้ความยินยอมแก่ผู้กระทำความผิด ในการแสวงหาประโยชน์จากบุคคลที่ตนดูแล อันเป็นความผิดฐาน ค้ามนุษย์ และทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ (ความผิดตาม พรบ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 6 , มาตรา 6/1 , มาตรา 13 และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295) โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตรียมที่จะออกหมายจับ แต่เจ๊ นุช ได้ชิงเข้ามอบตัวก่อน เมื่อช่วงเช้าของวันนี้(20 ส.ค.65) ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำแล้ว โดยเจ๊ นุช ได้ยอมรับสารภาพทุกอย่างว่าได้กระทำรุนแรงกับทหารหญิงคนดังกล่าวจริง เนื่องจากควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
และในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน พ.ต.อ. เฉลิมวุฒิ วงษ์เวียงจันทร์ รองผบก.ภ.จว.ราชบุรี พร้อมกับ พ.ต.อ.ธานินทร์ ฉัตรเจริญพร รองผบก.ภ.จว.เพชรบุรี รรท. ผกก.สภ.เมืองราชบุรี และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ได้นำตัว เจ๊นุช มาทำการตรวจค้นที่บ้านเพื่อหาของกลางที่ใช้ในการทำร้ายร่างกายทหารหญิง เพื่อนำหลักฐานต่างๆมาประกอบกับสำนวนคดี โดยมีทนายความของ เจ๊ นุช มาดูการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ด้วย และห้ามสื่อเข้าไปในบ้านและห้ามถ่ายภาพผู้ต้องหา พร้อมกับปิดประตูบ้าน โดยผู้สื่อข่าวพยายามที่จะสอบถาม เจ๊ นุช ถึงความรู้สึกที่ได้ทำร้ายร่างกายทหารหญิงจนได้รับบาดเจ็บ แต่เจ๊ไม่ตอบ
