ราชบุรี ในวันนี้ ( 7 ก ค. 65 ) ที่โรงเรียนท่ามะขามวิทยา อ.โพธาราม จ.ราชบุรี มีเด็กนักเรียนกำลังช่วยกันถือกระเป๋า และอุ้มเพื่อนขึ้นบันไดอาคาร 3 ชั้นเพื่อขึ้นไปเรียนหนังสือ เมื่อสอบถามถึงผู้ที่ถูกอุ้มก็ทราบว่าคือ น้องมีน หรือ ด.ญ. พรทิมา ตันพานิช อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม. 1 ซึ่งมีรูปร่างกระดูกผิดรูปมาแต่กำเนิดและปอดยังแฟ่บ ก่อนหน้านี้น้องมีนได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด -19 เมื่อปลายปีที่แล้ว ก่อนฉีดผู้ปกครองการเกิดวิตกกังวลถึงผลข้างเคียงเกรงน้องจะเป็นอันตราย เพราะร่างกายไม่ปกติอยู่แล้ว จึงไปปรึกษาแพทย์ซึ่งได้ให้คำแนะนำมาว่าควรฉีดวัคซีนป้องกันโควิด เมื่อได้รับคำแนะนำจากแพทย์แล้ว ทำให้นายพิพัฒพงศ์ ตันพานิช และนางพรพรรณ ปานเนียม พ่อและแม่ของน้องมีน ได้ตัดสินใจพาน้องมีนฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็ม 1 หลังจากฉีดแล้วได้กลับมานอนพักที่บ้านไม่นานก็เริ่มมีอาการจากผลข้างเคียงวัคซีน ทำให้ต้องพาน้องเข้าห้องไอซียูที่โรงพยาบาล นำไปสู่การรักษาที่ยาวนานต่อเนื่องเป็นปีแล้วจากผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีนโควิด ทำให้น้องมีนมีอาการเหนื่อยมากมาจนถึงทุกวันนี้
ซึ่งด.ญ. พรทิมา ตันพานิช อายุ 13 ปี หรือ น้องมีน ได้เล่าให้ฟังว่า หลังฉีดวัคซีนผ่านมาหลายวันรู้สึกไอ เจ็บหน้าอก เริ่มหายใจแรง แม่ให้กินยาแต่ก็ไม่หาย นอนไม่หลับและเริ่มหายใจไม่ออกเจ็บหน้าอกจนนอนไม่ได้ แม่ได้พาไปคลินิกหมอบอกว่า ที่เล็บเริ่มเขียวทั้งเล็บเท้าและเล็บมือ เลยส่งไปที่โรงพยาบาลราชบุรี และให้นอนที่รักษา ช่วงเช้ามืดได้ใส่ท่อหายใจพร้อมกับส่งตัวต่อไปที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ช่วงก่อนที่ฉีดวัคซีนไม่เคยมีอาการแบบนี้ รู้ตัวว่าหลังจากที่ฉีดวัคซีนเมื่อตอนอยู่ ป. 6 มาแล้วจะรู้สึกเหนื่อยง่ายขึ้น ถ้าเดินมาก ๆ จะเหนื่อย แต่ได้เพื่อน ๆ คอยช่วยอุ้มพาเรียนหนังสือ
ด้าน ด.ญ. ยาตนา และ ด.ญ.แยม ชาวต่างด้าว เพื่อนน้องมีน เปิดเผยว่า ตอนที่เรียนอยู่ ป.6 เพื่อนมีร่างกายไม่สมบูรณ์มานานตั้งแต่เรียนอยู่ ป. 1 แล้ว สงสารเพื่อนก็เลยช่วยกันพาเข้าเรียน ถ้าช่วยพยุงให้เดินแล้วจะต้องช่วยกันพยุง 2 คน จะต้องมีคนถือกระเป๋าด้วย จึงตัดสินใจใช้วิธีอุ้มดีกว่า เพื่อนต่างห้องเรียนมาเห็นก็ยังมาช่วยกันอุ้มพาเรียนด้วย
ส่วนนางพรพรรณ ปานเนียม แม่ของน้องมีน เปิดเผยว่า ตอนนี้ต้องฟื้นฟูร่างกายน้องไปเรื่อย ๆ ไม่คิดว่าน้องจะต้องรักษายืดเยื้อนานจะครบปีแล้ว ได้เข้าห้องไอซียูตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว น้องได้รับเงินเยียวยาจากการฉีดวัคซีนเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ทาง สปสช.ช่วยเหลือ จำนวน 2 แสนบาท ตอนที่ให้เงินมานั้นน้องยังนอนอยู่ห้องไอซียูอยู่ พอออกมาได้ย้ายมาที่โรงพยาบาลราชบุรีเพื่อคอยดูออกซิเจนน้องก็ยังไม่ดีขึ้น พอได้ระยะหนึ่งก็ต้องใช้ออกซิเจนตลอดเวลา จนถึงทุกวันนี้ก็ยังใช้อยู่ น้องเดินได้แต่มีอาการเหนื่อยมาก โดยช่วงแรกมีกฎออกมาให้ไปฉีดวัคซีน อยากให้นักเรียนไปเรียนหนังสือ เป็นช่วงที่มีการระบาด จึงปรึกษาแพทย์แล้วบอกว่าน้องมีกระดูกคดร่างกายไม่สมบูรณ์ แต่หมอบอกไม่มีผลกระทบอะไรบอกว่าก็เหมือนวัคซีนทั่วไป ซึ่งตั้งแต่น้องเข้าไอซียูก็ไม่ได้ทำงาน ส่วนสามีมีอาชีพเป็นยามรักษาความปลอดภัย ส่วนตัวเองจะค้าขาย และรับจ้างทั่วไปที่ตลาดศรีเมืองได้เงินแบบรายวัน พอน้องป่วยก็หยุดทำงานทุกอย่างทำให้ขาดรายได้ เหลือแต่ของสามีมีรายได้วันละ 370 บาท หากไม่ทำวันไหนก็ไม่ได้เงิน ตอนนี้ทำเรื่องมารักษาที่โรงพยาบาลราชบุรีแล้ว แต่ก่อนจะพาน้องไปรักษาที่โรงพยาบาลเด็กในกรุงเทพฯซึ่งมีค่าใช้จ่ายการเดินทางมากจึงหาทางลดค่าใช้จ่าย และพยายามหาทางรักษาเพราะน้องมีนอยากเรียน
จากการสอบถาม นายอภิเชษฐ์ เกตุกร ผู้อำนวยการโรงเรียนท่ามะขามวิทยา ก็บอกว่า หลังได้รับวัคซีนไฟเซอร์เข็มแรก น้องมีนมีอาการเปลี่ยนไปจากเดิมซึ่งเคยเดินด้วยตัวเองได้ แต่พอรับวัคซีนแล้วมีผลต่อร่างกายต้องเข้าโรงพยาบาล พอมาอยู่โรงเรียนเข้า ม. 1 พ่อโทรมาบอกขอให้ลูกเข้าเรียน โดยงานแนะแนวระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนได้คุยกันและพยายามช่วยเหลือครอบครัว ทราบข่าวว่าแม่น้องต้องออกจากงานเพื่อมาดูแลลูก ส่วนพ่อทำงานคนเดียวรายได้ไม่พอ โดยการจัดการเรียนการสอนจะจัดตามอาคารเรียนต่างๆ ต้องเดินขึ้นลงอาคาร ได้เห็นเพื่อนช่วยกันอุ้มเพื่อนเรียนหนังสือทุกวัน ถือเป็นภาพประทับใจที่เกิดขึ้นในโรงเรียนถึงความมีน้ำใจ จึงรู้สึกเป็นห่วงหลังจากเงินที่ได้รับการเยียวยาจาก สปสช.มา 2 แสนบาท ขณะนี้เงินก้อนนี้ใกล้หมดลง ครอบครัวจะมีปัญหาเพราะมีแต่รายจ่ายทุกวัน หากมีผู้ใจบุญบริจาคช่วยเหลือไว้เป็นทุนการศึกษาให้น้องมีนได้เรียนหนังสือ และไว้เป็นค่าใช้จ่ายรักษาตัวจะเป็นแนวทางที่ดีแก่ครอบครัวของน้องมีนในอนาคตได้
ผู้ใจบุญสามารถบริจาคเงินช่วยเหลือได้ที่ ด.ญ. พรทิมา ตันพานิช บัญชี เลขที่ 4822930824 ธนาคาร TTB สาขาโพธาราม หรือ ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่ นางพรพรรณ ปานเนียม มารดา หมายเลข 093-4488690
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: