X

ชาวบ้านเตรียมอพยพหากยังดับไฟไม่ได้  ขณะที่อธิบดีกรมควบคุมมลพิษสั่งต้องดับให้เร็ว

ราชบุรี    หลังจากที่เกิดเหตุไฟไหม้โรงงานแวกกาเบจ รีไซเคิล   ซึ่งเป็นโรงงานรับกำจัดกากขยะอุตสาหกรรม  ตั้งอยู่หมู่ 8  ต.รางบัว  อ.จอมบึง  จ.ราชบุรี นานกว่า 17 ชั่วโมง  แต่ยังไม่สามารถดับไฟได้  นอกจากนี้ควันไฟยังลอยคละคุ้งไปทั่วบริเวณส่งผลให้ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงรัศมีโรงงานประมาณ 3 กิโลเมตร  เริ่มได้รับผลกระทบจากกลิ่นเหม็นจากควันพิษ  มีอาการ ปวดหัว แสบจมูก  และคลื่นไส้  ซึ่งโรงงานดังกล่าวนั้นถูกศาลมีคำสั่งให้หยุดประกอบกิจการ  หลังชาวบ้านในหมู่ 1  ตำบลน้ำพุ  อ.เมือง  ได้แจ้งความให้ดำเนินคดี  เพราะทำน้ำในลำห้วยเน่าเสีย  และน้ำเสียยังซึมลงใต้ดินส่งผลให้น้ำบาดาลนั้นปนเปื้อนสารพิษ และยังส่งกลิ่นเหม็น  โดยชาวบ้านนั้นต่อสู้มานานถึง 20 ปี  และที่ผ่านก็เกิดเหตุไฟไหม้ทุกปี

    จากการสอบถามนางประเทือง   สังวาลเพชร  ชาวบ้านในหมู่ 1  ต.น้ำพุ  อ.เมือง  ซึ่งอยุ่ใกล้เคียงกับโรงงาน  ก็บอกว่า ช่วงเช้ามืดมีควันลอยมา  จึงได้ออกมาดูก็พบว่าโรงงานแวกกาเบจ ไฟไหม้  และมีเสียงระเบิดตามมาเป็นระลอก  ซึ่งควันที่ลอยมานั้นพักหนึ่งเพราะลมเปลี่ยนทิศ  แต่ก็เหม็นมาก  ทำให้เวียนหัวและคลื่นไส้  ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยเป็นแบบนี้มาแล้ว เราก็ไม่รู้ว่าจะสารพิษอะไรปนเปื้อนมาบ้าง  ขนาดในน้ำบาดาลที่เคยตรวจมาแล้วมีสารพิษตั้งหลายตัว   แต่ไม่เคยมีหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือ  แม้ว่าผู้ใหญ่บ้านจะประกาศให้ทุกคนสวมหน้ากากอนามัย แต่เด็กเล็กคงจะสวมไม่ได้  เป็นห่วงหลานที่อายุเพียง 8 เดือน  ซึ่งหากว่าคืนนี้ไฟยังไม่ดับ และควันลอยเข้ามาในหมู่บ้านก็คงจะต้องย้ายลูกหลานไปอยู่ที่อื่น  เพราะเด็กคงจะทนสูดควันพิษไม่ได้

      ต่อมานายอรรถพล  เจริญชันษา  อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ พร้อมนายรณภพ  เหลืองไพโรจน์  ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี  ได้เข้าไปตรวจดูสถานการณ์ไฟไหม้ภายในโรงงานพร้อมวางแผนการดับไฟให้เร็วที่สุดเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนโดยรอบให้น้อยที่สุด  โดยเตรียมประสานขอเฮลิคอปเตอร์ จาก ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย  มาช่วยดับไฟ

  ซึ่งนายอรรถพล  เจริญชันษา  อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ  นั้นยังบอกอีกว่า ได้มาดูเรื่องของความปลอดภัยของประชาชนโดยรอบและความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ที่ปฎิบัติงาน เบื้องต้นได้ทำการตรวจสอบกลุ่มควันที่ออกไปภายนอก  ตรวจสอบน้ำว่ามีไหลออกไปนอกพื้นที่หรือไม่  ซึ่งจะต้องดูหมดทั้งเรื่องของอากาศ  เรื่องของน้ำ และเรื่องของมลภาวะ ซึ่งตอนนี้เรามีชุดกู้ภัยสารเคมีที่กำลังเข้ามา  แต่ที่สำคัญคือเน้นในเรื่องของความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่  ซึ่งจะต้องควบคุมไฟให้ได้เสร็จแล้วถึงจะเข้าไปตรวจสอบในเรื่องของการควบคุมสารพิษต่างๆ ซึ่งตอนนี้ได้พยายามเต็มที่ว่าจะดับไฟให้ได้เร็ว โดยประสานไปยังป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในการขอ เฮลิคอปเตอร์มาช่วยดับไฟ  เพราะจะต้องใช้น้ำในการควบคุมความร้อนเพื่อไม่ให้เกิดการระเบิด    ส่วนการดับไฟนั้นตอนนี้ได้ให้ทางผู้ว่าฯ เป็นผู้ควบคุมสั่งการ และเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก  ส่วนชุมชนไหนที่ได้รับความเดือดร้อน  หรือได้กลิ่นก็ขอให้ออกห่าง โดยประสานไปกับทางผุ้นำชุมชนแล้วในรัศมี 4 กิโลเมตร  ส่วนสารที่เราพบในตอนนี้คือสาร วีโอซี หรือสารอินทรีย์ระเหยง่าย  นอกจากนี้ก็จะต้องดูว่ามีสารที่เป็นอันตรายตัวอื่นหรือไม่ เช่นสารซัลเฟอร์ไดออกไซค์  หรือสารโลหะหนัก  ที่จะกระจายออกไปในการใช้น้ำดับไฟหรือฟุ้งกระจาย  ซึ่งทั้งหมดนี้เราจะมีการเรียกร้องค่าเสียหาย  ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เจ้าหน้าที่ได้ใช้ไป  ก็จะต้องเรียกค่าเสียหายกับเจ้าของพื้นที่  รวมทั้งน้ำดับไฟที่ไหลลงสู่ลำห้วย ก็จะต้องตรวจสอบทั้งหมด รวมทั้งน้ำใต้ดินด้วย   ซึ่งภายหลังจากที่ควบคุมสถานการณ์ได้เราก็จะมีการเรียกร้องค่าเสียหายทั้งหมดจากเจ้าของพื้นที่ด้วย

   ส่วนบรรยากาศในช่วงเย็นนั้นยังคงมีกลุ่มควันสีดำขนาดใหญ่ลอยคละคลุ้งไปทั่ว  โดยมีทางเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยจากหลายพื้นที่มารวมตัวในการที่จะเข้าไปทำการดับไฟ  โดยคาดว่าภายในคืนนี้จะต้องทำการดับไฟให้ได้  และทราบว่ามีเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด จำนวน 3 ราย  นอกจากนี้ยังมีพระภิกษุ 2 รูป จากวัดช่องลม  จ.สมุทรสงคราม มาตั้งโรงครัวประกอบอาหารให้กับเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยได้รับประทาน  โดยเป็นเมนูง่ายๆ คือข้าวไข่เจียว

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

สายชล โอชะขจร

สายชล โอชะขจร

ผู้สื่อข่าวราชบุรี