X

ชาวบ้านคารวมกลุ่มปลูกองุ่นไร้เมล็ดแบบปลอดสารพิษ

 ราชบุรี  สภาพพื้นที่อำเภอบ้านคา จ.ราชบุรี อยู่ติดชายแดนไทย-เมียนมา ภูมิประเทศเป็นภูเขา มีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ เกษตรกรส่วนใหญ่ปลูกสับปะรดที่ขึ้นชื่อ คือ สับปะรดหวานบ้านคา แต่ราคาสับปะรดนั้นไม่แน่นอน ทำให้เกษตรกรในพื้นที่มีแนวคิดหันมารวมกลุ่มกันทดลองปลูกองุ่นพันธุ์ไร้เมล็ด สายพันธุ์บิวตี้ ซีดเลส  ( BEAUTY SEEDLESS) ทดลองปลูกเป็นครั้งแรก ข้อดีคือ ใช้เงินลงทุนไม่มาก มีโรครบกวนน้อย ดูแลง่าย แถมราคาดีเป็นที่ต้องการของตลาดและผู้บริโภค กำลังจะเตรียมเก็บผลผลิตขายได้ในเดือนธันวาคมนี้

โดย นายจำนอง บุญเลิศฟ้า ประธานกลุ่มปลูกพืชผักผลไม้ปลอดภัย เปิดเผยว่า เคยไปศึกษาดูงานโครงการหลวงทางภาคเหนือมา จึงมีแนวคิดรวบรวมเพื่อนเกษตรกรในพื้นที่ ประมาณ 17 ราย มาเป็นสมาชิก สร้างโรงเรือนประมาณกว่า 20 โรง คิดว่าองุ่นปัจจุบันค่อนข้างเหลือน้อยแล้ว ส่วนใหญ่อยู่แถวต่างจังหวัด แต่พื้นที่ อ.บ้านคา ยังเหลือพื้นที่ว่างอยู่และมีความเหมาะสมที่จะปลูกองุ่นสายพันธุ์นี้ได้ อีกทั้งได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่สถาบันพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงมาให้องค์ความรู้ตามศาสตร์ของพระราชา และคอยแนะนำวิธีการปลูกตลอดจนการดูแลรักษาต้นองุ่น จนประสบความสำเร็จปลูกองุ่นไร้เมล็ดมีผลผลิตออกเต็มต้น อนาคตมีแนวคิดอยากส่งเสริมให้พื้นที่อำเภอบ้านคาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร เนื่องจากมีทัศนียภาพทิวทัศน์ท่ามกลางภูเขา ป่าไม้ ที่สวยงามเหมาะแก่การท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ได้หลายแห่ง มีผัก ผลไม้ปลอดสารที่เป็นของดีมากมาย  ซึ่งหากมีเกษตรกรปลูกองุ่นทั่วพื้นที่ บ้านคาก็จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ สามารถกระจายรายได้สู่ชุมชนในท้องถิ่นขึ้น เพราะไม่ต้องเดินทางไปไกลถึงภาคเหนือ แค่มาราชบุรีใช้ระยะเวลาเดินทางจากตัวเมืองราชบุรีเพียงประมาณ 100 กิโลเมตรเศษ ก็สามารถมาชิมองุ่นไร้เมล็ดที่มีรสชาติหวานกรอบ ปลอดภัยสด ๆ จากสวนเกษตรกรโดยตรง

ด้าน นายสนิท แจ้งจัด อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31 / 2 หมู่ 6 บ้านห้วยสวนพลู ต.บ้านบึง อ.บ้านคา หนึ่งในสมาชิกที่ได้ใช้พื้นที่อยู่เพียงประมาณ 30 ตารางเมตร ปลูกองุ่นดำไร้เมล็ดเพียง 10 ตัน จนลูกดกออกเป็นพวงห้วยระย้าดูสวยงาม เปิดเผยว่า ครั้งแรกได้ไปอบรมกับประธานกลุ่มปลูกพืชผักผลไม้ปลอดภัยบ้านคา ทางเจ้าหน้าที่โครงการหลวงฯ แนะนำให้ปลูกพืชผักและองุ่น พร้อมกับบอกวิธีการสร้างโรงเรือนที่มีขนาดกว้าง 3 เมตร ยาว 30 เมตร ปลูกได้ 10 ต้น หลังคาใช้พลาสติกสีขาว สำหรับโรงเรือนใช้ทุนประมาณ 12,000 บาท ค่ากิ่งพันธุ์อีก 10 กิ่ง เป็นเงิน 3,000 บาท รวมเป็นเงิน 15,000 บาท ใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ผสมใบก้ามปูแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากันทิ้งไว้ระยะหนึ่ง นำต้นพันธุ์ปลูกแล้วจะรดน้ำวันละ 1 ครั้ง ใช้ฝักบัวเดินรดไปก่อนช่วงแรก พอเริ่มเจริญเติบโตจึงใช้ระบบน้ำพุ่งที่ไม่แรงมาก ที่สำคัญรดน้ำโดยที่ไม่ให้โดนผลองุ่น เพราะจะทำให้ผลองุ่นเสียได้ ขณะที่ลักษณะของช่อจะใหญ่ ติดผลง่าย รสชาติอร่อย หวาน กรอบ มีสารอาหารจำพวกกรดอินทรีย์ วิตามินซี เหล็ก แคลเซียม ช่วยบำรุงสมอง บำรุงหัวใจ  ส่วนการใช้ยาในการดูแลรักษาค่อนข้างน้อยมาก จะมีแค่ช่วงปลูกใหม่ ๆ จะใช้สารฉีดพ่นไล่แมลงเล็กน้อย  หากใช้ยาเข้มข้นเกินไปจะทำให้เกิดใบไหม้เสียหายได้

ส่วนข้อดีสำหรับการใช้พลาสติกคลุมหลังคามีประโยชน์ช่วยลดต้นทุนการซื้อปุ๋ย และใช้ยากันเชื้อราลงไปประมาณ  70 เปอร์เซ็นต์ เพราะช่วงที่เกิดฝนตกลงมาและมีน้ำค้างจะมาโดนใบทำให้เกิดเชื้อราขึ้นได้ง่าย ข้อดีของต้นองุ่นไร้เมล็ดที่ปลูกจะมีอายุยาวนาน ปลูกครั้งเดียวอยู่ได้ประมาณ 20 ปีขึ้นไป ซึ่งแปลงที่เพิ่งทดลองปลูกเป็นครั้งแรกได้ประมาณ 9 เดือนแล้ว และจะเริ่มเก็บเกี่ยวประมาณเดือนธันวาคมนี้ คาดว่าน่าจะได้ผลผลิตปีแรกประมาณ 200 กิโลกรัม ว่าจะขายสด ๆ จากสวนกิโลกรัมละ 200 บาท หลังจากที่เคยไปเที่ยวดูการปลูกองุ่นสายพันธุ์นี้มาแล้วที่จังหวัดเชียงใหม่ และยังเคยซื้อรับประทาน กิโลกรัมละ 200-250 บาท ถือว่าเป็นผลไม้เศรษฐกิจตัวใหม่ของพื้นที่ราชบุรีที่น่าสนใจที่ช่วยทำเงินสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร

สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถเข้าไปท่องเที่ยวได้ที่สวนของเกษตรกร ซึ่งอนาคตอันใกล้นี้จะได้มีการพัฒนาเส้นทาง พร้อมทั้งป้ายประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยวชมสวนองุ่นไร้เมล็ดของกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ เพื่อเผยแพร่ให้นักท่องเที่ยวได้รู้จักเส้นทางแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งใหม่ด้วย  หรือสนใจอยากสอบถามเส้นทางเข้าชิม ชม แชะ สวนองุ่นไร้เมล็ด ได้ที่ นายจำนอง บุญเลิศฟ้า ประธานกลุ่มปลูกพืชผักผลไม้ปลอดภัย 082-2429949

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

สายชล โอชะขจร

สายชล โอชะขจร

ผู้สื่อข่าวราชบุรี