ราชบุรี จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟสบุ๊ค ชื่อ ชุติมา หม่องสา ได้โพสต์คลิปวีดีโอ พร้อมกับข้อความว่า คนใหญ่ทำแบบนี้ถูกต้องป่าวครับมาตบลูกผมทำร้ายร่างกายลูกผมมีปืนมาข่มขู่ลูก ลูกผมกลัวมากครับเพราะเขามาขู่เอาชีวิตลูกผมครับ แค่ด่าลูกผมก็กลัวแล้วครับเพราะเขาเป็นผู้หญิง ต้องไปโรงเรียนทุกวัน เหตุเกิดที่หลังโรงเรียนปากท่อครับ (เด็กมันมีปัญหากันน่าจะหาทางคุยกันครับไม่ใช่ทำแบบนี้) ซึ่งในคลิปนั้นจะมีผู้ชายรูปร่างใหญ่ มายืนด่าเด็กนักเรียนที่นั่งคร่อมบนรถจักรยานยนต์ ก่อนจะใช้ฝ่ามือตบใบหน้าอย่างแรง และยังพร้อมกับขู่จะฆ่า จากนั้นได้หยิบอาวุธปืนที่วางที่เบาะรถมาเหน็บไว้ที่เอาเพื่อตั้งใจให้เด็กนักเรียนหญิงได้เห็นและจะได้หวาดกลัว
ซึ่งภายหลังคลิปดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไปทำให้คนมาแสดงความคิดเห็นกันจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่า ผู้ใหญ่รังแกเด็ก และเป็นกระทำที่เกินกว่าเหตุ รวมทั้งมันเป็นของเด็กๆแต่ผู้ใหญ่เข้ามายุ่ง
วันนี้ (20 มี.ค.64) ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังผู้โพสต์คลิปดังกล่าว และได้เข้าไปพูดคุยด้วย ซึ่งทราบชื่อคือนายนภัทร หม่องสา อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56/1 หมู่ 2 ต.ดอนทราย อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ก็ได้เล่าให้ฟังว่า ได้เห็นคลิปที่ลูกสาวส่งมาให้ดู แล้ว และได้สอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น จากน้องแพร ซึ่งเป็นลูกสาววัย 16 ปี อยู่ชั้นม.4 ก็ทราบว่า ที่ผ่านมาเพื่อนของลูกสาวไปมีปัญหากับน้อง ม.2 ที่พ่อหัวร้อนมาตบลูกสาว ซึ่งทราบว่าเป็นเรื่องการแย่งแฟนกัน และก็ได้ไปเคลียกันเรียบร้อยแล้ว โดยเหตุเมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา โดยที่น้องแพรนั้นไม่ได้ไปด้วยเพียงแต่เพื่อนมาเล่าให้ฟัง จากนั้น ก็จะถูกน้องม.2 คนนี้มาเดินมองหน้าเป็นประจำ ทำให้ลูกสาวนั้นด่ากลับไป และก็จะมีการมองหน้ากันเป็นประจำ แต่ไม่ได้ถึงขั้นทะเลาะตบตี และล่าสุดในวันเกิดเหตุก็ทราบว่ามีการนำของ ของน้องม.2 ซึ่งไม่ใช่คนที่เป็นคู่กรณีกัน แต่เป็นหลานของเพื่อน นำไปทิ้ง และตอนเย็นก็มาโดนพ่อของน้องม.2 คู่กรณี มาดักทำร้าย ซึ่งตนได้พาลูกสาวไปแจ้งความที่สภ.ปากท่อ ไว้แล้ว และทราบว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสอบปากคำเพิ่ม เพื่อตั้งข้อกล่าวหาคู่กรณี ซึ่งในกรณีดังกล่าว ตนมองว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ เด็กมีปัญหากันก็น่าจะให้เด็กเคลียกันเอง ผู้ใหญ่ไม่ควรเข้าไปยุ่ง ซึ่งตนก็ยอมรับว่าลูกสาวของตนนั้นก็มีส่วนผิดด้วย แต่ลูกของตนเป็นผู้หญิง แค่ด่าก็กลัวกันแย่แล้ว นี่ยังมาใช้กำลังโดยการตบ และยังใช้อาวุธปืนมาข่มขู่ เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆอีก ตนมองว่าถ้าอย่างนี้ควรจะนำผ้าถุงมานุ่งน่าจะดีกว่า
ข่าวน่าสนใจ:
- สาววัย 21 ปี วอนตำรวจช่วยติดตามบริษัทรับคีย์ข้อมูลหลอกโอนเงินกว่า 7 หมื่นบาท
- "บิ๊กโจ๊ก" บินด่วนขยายผลยึดทรัพย์แก๊งค้ากามเด็กป่าตอง 22 ล้านจับ 3 ต่างชาติใช้บริการเด็ก หลบหนี 3
- หนุ่มกลัวเมียมากกว่าตำรวจ หลังไปขโมยฝาท่อระบายน้ำแต่ถูกเมียด่าต้องรีบนำมาคืน
- รวบคนจ้างวานพร้อมมือปืนที่ไปกระหน่ำยิงเจ้าของบ่อกุ้งดับ เหตุขัดแย้งเรื่องที่ดิน
ด้านน้องแพร (นามสมุมติ) วัย 16 ปี ลูกสาวของนายนภัทร ก็เล่าให้ฟังว่า ที่ผ่านมาตนไม่ได้มีปัญหากับน้องม.2 แต่เป็นเพื่อนที่อยู่กลุ่มเดียวกันไปมีปัญหา เรื่องแฟน แต่ก็มีเคลียตกลงกันแล้ว แต่น้องม.2 ไม่จบ เวลาเจอกันก็จะมามองหน้าในลักษณะหาเรื่อง ซึ่งตนนั้นเป็นรุ่นพี่ก็รู้สึกไม่พอใจ จึงได้ด่าไป หลายครั้ง และล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ห้องที่ตนเรียนนั้นอยู่ชั้นสองของอาคารและอยู่ใกล้ห้องน้อง ม.2 คู่กรณี ตนตั้งใจว่าจะแกล้งเอาร้องเท้าน้องโยนลงไปข้างล่าง ซึ่งรองเท้าที่ตนแกล้งโยนลงไปข้างล่างนั้นเป็นรองเท้าของหลานเพื่อน แต่ก็อยู่ห้องเดียวกันน้องม.2 คู่กรณี ซึ่งเมื่อน้องออกมาตนก็พาไปดูรองเท้าที่โยนไปและยกมือไหว้ขอโทษน้องไปแล้ว ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน แต่พอเลิกเรียน ออกมาที่หน้าโรงเรียนพ่อของน้องม.2 คู่กรณีก็มาดักรอและขี่รถประกบบอกให้จอด จากนั้นเหตุการณ์ก็เป็นไปตามคลิป โดยมีเพื่อนๆที่นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์แอบถ่ายคลิปไว้ ซึ่งตอนที่ตนเองนั้นโดนตบก็รู้สึกชาๆที่หูและใบหน้า แต่ไม่กล้าที่จะตอบโต้อะไร แต่พอเขาไปแล้วก็รีบโทรบอกพ่อก่อน จากนั้นก็ให้พ่อดูคลิปแล้วก็ไปแจ้งความ
ด้านนางสาววิชญ พุ่มพวง ครูที่ปรึกษานักเรียนชั้นม.4 โรงเรียนปากท่อพิทยาคม ก็เล่าให้ฟังว่า สำหรับพฤติกรรมของน้องแพร นั้นอุปนิสัยจะออกไปทางผู้ชาย แต่ไม่ได้เกเร เป็นเด็กตั้งใจเรียน ส่วนเด็กนักเรียนชั้นม.2 คู่กรณีนั้นไม่เคยสอนจึงไม่ทราบว่ามีอุปนิสัยอย่างไร แต่ภายในโรงเรียนก็จะมีเด็กที่ปัญหากัน หรือแค่มองหน้ากัน ก็มีปัญหา เป็นเรื่องปกติ ซึ่งก็จะมีการพูดคุยกันได้ หรือทางครูก็จะช่วยดำเนินการให้มาเคลียกัน ไม่ได้มีเรื่องราวใหญ่โต เว้นแต่ว่าเด็กจะตกลงกันไม่ได้ หรือมีเรื่องของยาเสพติด เข้ามาเกี่ยวข้องก็จะต้องเชิญผู้ปกครองมาร่วมรับรู้ด้วย แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมองว่าเป็นกระทำที่รุนแรงเกินไป การลงมือกับเด็กผู้หญิงถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควร
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: