ราชบุรี หน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (หน่วยพญาเสือ) ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีขบวนการล่าสัตว์ป่าสงวนในบริเวณจังหวัดราชบุรี รอยต่อระหว่าง อุทยานแห่งชาติไทยประจัน และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำภาชี ซึ่งนายพรานได้นำซากสัตว์ป่าไปชำแหละในพื้นที่ จ.ราชบุรี หลังได้รับแจ้งจึงได้ทำการสืบสวน และติดตามขบวนการดังกล่าว จนกระทั่งเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 22 พ.ย.62 เจ้าหน้าที่หน่วยพญาเสือ สามารถติดตามซากสัตว์ป่าดังกล่าวได้ที่ฟาร์มเลี้ยงวัว ไม่มีเลขที่ ม.1 ต.ปากไก่ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี จึงประสานไปยังนายประทีป เหิมพยัคฆ์ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 พร้อม ร.ต.ท.ภีมภัทร หทยะวัฒน์ รอง สว.สอบ.สภ.ปากท่อ เข้าดำเนินการเข้าตรวจสอบสวนฟาร์มดังกล่าว
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบ นายไพรวัลย์ ชุมพวง อายุ 33 ปี และ นายโบอู อายุ 22 ปี (ชาวเมียนม่า) ซึ่งเป็นลูกจ้างภายในฟาร์มเลี้ยงวัว อยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว เมื่อตรวจสอบก็พบซากสัตว์ป่า ซึ่งเป็นเก้งหม้อ จำนวน 1 ซาก และอีเห็นข้างลาย จำนวน 1 ซาก และอีเห็นเครือ จำนวน 1 ซาก นอกจากนี้ยังพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า วีโก้ หมายเลขทะเบียน บพ 2432 ราชบุรี ซึ่งใช้ในการนำซากสัตว์ป่าดังกล่าวมา นอกจากนี้ยังพบอุปกรณ์ที่ใช้ในการชำแหละสัตว์ป่าอีกหลายรายการ เจ้าหน้าที่่ได้ทำการตรวจยึดไว้เพื่อทำการตรวจสอบ และในช่วงระหว่างดำเนินการ ได้มีนายนิโนรส วงศ์แก้วมณี อายุ 41 ปี และนายชยพล ศรีสุพัตพงษ์ อายุ 38 ปี เจ้าของฟาร์ม เดินทางเข้ามาที่ฟาร์มด้วย เจ้าหน้าที่จึงได้เชิญทั้งหมดมาสอบสวนที่ สภ.ปากท่อ
ซึ่งนายไพรวัลย์ ก็รับสารภาพว่า ตนเองได้ไปซื้อสัตว์ป่าดังกล่าวมาจากเพื่อนอยู่แถวบ้านหินสี และบ้านโป่งกระทิง เพราะเดินทางไปแถวนั้นบ่อยครั้ง ซึ่งตนเห็นว่านายพรานได้นำซากเก้ง และอีเห็น มาขายซึ่งตนนั้นชอบกินเนื้อสัตว์ป่าอยู่แล้ว และตั้งใจจะนำเนื้อสัตว์ป่าไปฝากนายจ้างซึ่งเป็นเจ้าของฟาร์มเลี้ยงวัว จึงได้ซื้อมาไว้ และนำกับมาชำแหละที่ฟาร์มที่ตนเองทำงานอยู่ จนรุ่งเช้าอีกวันจึงพบว่าเจ้าหน้าที่ได้แกะรอยตามมาจับกุมดังกล่าว
ด้านนายนิโนรส ได้กล่าวว่า ตนเองเป็นเจ้าของฟาร์มวัวดังกล่าว ซึ่งเมื่อวานนี้ ตนเห็นนายไพรวัลย์ นำสัตว์ป่าซึ่งไม่รู้ว่าเป็นสัตว์อะไรมาประกอบอาหาร จึงได้ตั้งวงกินเหล้ากันโดยนำอาหารดังกล่าวมาเป็นกับแกล้มกันโดยไม่ได้สนใจอะไรจนกระทั่งรุ่งเช้าจึงมารู้ว่าเจ้าหน้าที่มาจับกุมนายไพรวัลย์ที่ฟาร์ม ตนจึงรีบมาที่ฟาร์มเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
ข่าวน่าสนใจ:
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำหลักฐานทั้งหมดเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนที่ สภ.ปากท่อ เพื่อดำเนินคดีกับบุคคลทั้ง 4 ว่า ร่วมกันครอบครองซากสัตว์ป่าสงวนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันค้าซากสัตว์ป่าสมบูรณ์โดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันซ่อนเร้นอำพรางของที่ได้มาจากการกระทำความผิดตาม ม.19 ม.20 ม.55 พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเบื้องคาคมูลค่าความเสียหายนั้น ไม่น้อยกว่า 500,000 บาท
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: