ยะลา แถลง แข่งแรลลี่ออฟโรด Southern thailand4×4offroadasian challenge 2018 ครั้งที่ 1
เมื่อวันที่ 21 มิ.ย 61 ที่ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายศุภณัฐ สิรันทวิเนติ เลขาธิการ ศอ.บต. พร้อมด้วย นาย ชัยชนะ กฤตยานาถ นายอำเภอยะหา นายหมัดนอร์ ยะฟา ประธานชมรมออฟโรด ประเทศมาเลเซีย ประธานชมรมออฟโรดยะลา ผู้แทนผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ยะลา ผู้แทน หน่วยเฉพาะกิจยะลา ได้ร่วมแถลงข่าวการจัดแข่งขัน แรลลี่ออฟโรดการกุศล สานสัมพันธ์ 4 ประเทศอาเซียน ไทย มาเลเซียสิงค์โปร์ อินโดนีเซีย อ.ยะหา จ.ยะลา Southern thailand4×4offroadasian challenge 2018 ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน- 1 กรกฎาคม 2561 ณ สนามนเรนทร์ออฟโรดนเรนท์ บูเกะโงซีนา ม.2 ต.บาโงยซิแน อ.ยะหา จ.ยะลา เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดี ส่งเสริมการกีฬาในพื้นที่ และกระตุ้นเศรษฐกิจให้คึกคัก
นายศุภณัฐ สิรันทวิเนติ เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในพื้นที่ และจังหวัดยะลามีการจัดการแข่งขันรถออฟโรด เชื่อมสัมพันธ์ของพี่น้อง off road ในประเทศ และต่างประเทศ โดยเฉพาะมาเลเซีย และสิงคโปร์ มาร่วมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ท่ามกลางความหลากหลายเชื้อชาติเป็นหนึ่งมิตรภาพในกิจกรรมนี้ ตนเองหวังว่า การแข่งขันนี้เป็นกิจกรรมสร้างสุข เพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวให้ประชาชนในพื้นที่ และจะเป็นกิจกรรมประจำปี เนื่องจากในพื้นที่มีพร้อมของสนามออฟโรด โดยนอกจากแข่งขันเพื่อล่ารางวัลแล้ว ยังมีกิจกรรมเพื่อการกุศลด้วยและยังสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สร้างความมั่นใจในการเรื่องการท่องเที่ยวได้ดีกับประเทศเพื่อนบ้าน
นายรอซี นือเรง ผู้ใหญ่บ้านหมู่..ต.บาโงยซิแน อ.ยะหา จ.ยะลา ประธานจัดงานในนาม ชมรมเรดโซดออฟโรดฯ ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มการจัดในครั้งนี้ เป็นความชอบส่วนตัว และตัวเองมีที่ดิน จำนวนหนึ่ง จึงได้มีการปรับแต่ง ให้เป็นสนามแข่ง โดยจากเดิม ได้จัดให้มีการแข่งขัน มอเตอร์ครอส หรือ มอเตอร์ไซค์วิบาก และได้รับการตอบรับได้เป็นอย่างดี มีชาวบ้าน มาร่วมขายอาหาร มีรายได้ และมีส่วนร่วม จากนั้นตนตั้งใจว่าจะต้องจัด การแข่งขันออฟโรดอย่างที่ตัวเองชอบ โดยตัวเอง ต้องการอยากให้ ผู้คนภายนอกพื้นที่ได้รู้จักว่า อ.ยะหา จ.ยะลา มีอะไรน่าสนใจบ้าง เพราะคนทั่วไปมักจะรู้จักว่า อ.ยะหา มี หอดูจันทร์เสี้ยว สำหรับมุสลิม ที่จะต้องถือศิลอดในเดือนรอมฎอน เท่านั้น ทั้งนี้ นายรอซี นือเรง ประธานจัดงาน อยากสร้างอาคารเรียนตาดีกาเพิ่มเติมเพื่อที่เด็กๆ ในตำบลจะได้มีที่เรียนหนังสือ จึงได้จับมือ กับ ประธานชมรมออฟโรดประเทศมาเลเซีย สิงคโปร และอินโดนีเซีย เพื่อมาร่วมทำการแข่งขัน โดยจะมีรถออฟโรด ที่จะร่วม ประมาณ 200-300 คัน จาก ไทย มาเลเซีย สิงคโปร และอินโดนีเซีย
