จากกรณีมีข่าวดราม่าผู้ว่าหมูป่าฯ นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง (ผู้ว่าหมูป่า) กับผู้กำกับทอม วอลเลอร์ว่าล้อเลียนราชการเพิ่มเรื่องไม่จริงจนกลายเป็นกระแสโด่งดังอยู่ในขณะนี้ หลังจากเมื่อวันที่ 25 พ.ย.2562 ที่ผ่านมา ทางห้างเซ็นทรัลพลาซา ลำปาง ร่วมกับโรงภาพยนตร์ เอส เอฟได้ร่วมกันจัดภาพยนตร์รอบการกุศลแห่งปี เรื่อง The Cave นางนอน เพื่อนำรายได้ไปสมทบช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัดลำปาง และสบทบทุน น.ต. สมาน กุนัน (จ่าแซม) “วีรบุรุษแห่งถ้ำหลวง” ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง และแขกผู้มีเกียรติในจังหวัดลำปางจำนวนมากรวมถึง คุณทอม วอลเลอร์ ผู้กำกับ, คุณจิม วอร์นี่ นักดำน้ำชาวเบลเยี่ยมและ สื่อมวลชน ณ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ ชั้น 3 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ลำปาง
ล่าสุดทางอ.รศ.ดร.ภูมินทร์ บุตรอินทร์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิชาการและวิจัยศูนย์ลำปาง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์ลำปางได้ออกมาให้ความเห็นว่า ถ้าใครติดตามเด็กติดในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนที่จังหวัดเชียงรายที่ผ่านมาหรือดูภาพยนต์ที่กำลังฉายอยู่ อาจจะจะมองว่าไม่เหมือนกันเพราะอะไรข้อเท็จจริงที่เป็นข้อเท็จจริงๆ คนดูควรไปดูที่สารคดีโดยเฉพาะที่ดีมากคือสารคดีเน็ตฟลิกซ์ อันนี้บอกข้อเท็จจริงครบถ้วนไม่ได้ไปเพิ่มรายละเอียดที่ไม่ใช่ข้อมูลที่เป็นจริงในภาพยนต์ยกตัวอย่างเช่นความสำเร็จของการช่วยเหลือเด็กที่ติดอยู่ในถ้ำ 1. คือการตัดสินใจของผู้นำก็คือท่านผู้ว่าเชียงรายในขณะนั้น 2.คือความสามัคคีของคนในจังหวัดที่ชวยเหลือ 3. เรื่องของความกล้าหาญทางจริยธรรมของหน่วยทหารของไทย และทหารต่างประเทศ รวมถึงทีมประเทศต่าง ๆ ที่เข้ามาช่วยเหลือโดยเฉพาะทีมจากประเทศอังกฤษ ทั้งที่ความเป็นจริงมีหลายเรื่องที่คนไม่รู้ ยกตัวอย่างเช่นผู้ประกอบการในสหรัฐอเมริกาหรืออีลอนมัสก์์ พยายามเสนอตัวเอาเทคโนโลยีเข้ามาที่ไทย แต่นักดำน้ำที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีแบบนี้ใช้ไม่ได้จริง ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่เด็ดขาด แต่มุมมองของผมมองว่าในภาพยนต์ก็เป็นสื่ออย่างหนึ่ง แต่ก็มองว่ามีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องหรือเปล่า เพราะว่าข้อเท็จริงกับที่สิ่งเพิ่มเข้าไปเพื่ออรรถรสส่วนหนึ่ง แต่ว่าหน้างานที่แก้ปัญหามันก็หลายเรื่องที่ต้องตัดสินใจทันที ซึ่งตรงนี้อยากจะให้คนที่ดูภาพยนต์ได้ดูสารคดีและดุความเป็นจริงด้วย
