ตร.กระบี่ ยันไม่ได้ซ้อมสาวใหญ่พร้อมเด็กๆ ระบุเป็นการร้องเรียนเพราะอาจจะเกี่ยวโยงคดียิงในพื้นที่ปลายพระยา
กรณีหญิงวัย 51 ปี พร้อมหลานชายวัย 14 ปี เข้าร้องทุกข์ ขอความช่วยเหลือ หลังมีกลุ่มชายที่อ้างว่าเป็นตำรวจเข้าตรวจค้นบ้าน ที่ จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมพาสมาชิกในบ้านทั้ง 6 คน ไปที่สภ.ปลายพระยา จ.กระบี่ จากนั้นบังคับให้สารภาพพร้อมให้บอกที่อยู่ของสามีเธอ โดยอ้างว่าเธอและลูกชาย ถูกทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ สุดท้ายผ่านไปเกือบ 24 ชม. ถูกปล่อยตัวกลับบ้านและไม่ได้ตั้งข้อหาแต่อย่างใด เธอจึงออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม
ข่าวน่าสนใจ:
ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อเวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวจ.กระบี่ เดินทางไปยัง สภ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เพื่อสอบถามเรื่องนี้ โดย พ.ต.อ.สมชาย ซื่อต่อตระกูล รอง ผบก.ภ.จ.กระบี่ เดินทางมาประชุมกับตำรวจ สภ.ปลายพระยา ที่ห้องประชุม ศปก.สภ.ปลายพระยา เพื่อเตรียมข้อมูลชี้แจงกรณีการร้องเรียนที่เกิดขึ้น โดยมีการเรียกดูสำนวนคดีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้รถเก๋งฮฮนด้าแจ๊สสีดำ มาก่อเหตุยิงนายเจริญ ยูงทอง อายุ 65 ปี เสียชีวิตภายในสวนผักหลังบ้านเลขที่ 271 หมู่ 3 ต.ปลายพระยา ซึ่งอยู่ติดกับโรงเรียนบ้านปากหยา โดยคดีดังกล่าว เป็นชนวนเหตุให้นางนี อายุ 51 ปี พร้อมหลานชายเข้าร้องเรียนอ้างว่าถูกกลุ่มชายอ้างเป็นตำรวจ อุ้มตัว และลงมือทำร้ายร่างกาย
ภายหลังการประชุม พ.ต.อ.สมชาย กล่าวว่า กรณีการร้องเรียนดังกล่าว ยืนยันว่ากลุ่มชายที่ถูกอ้างเป็น จนท.ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จ.กระบี่จริง แต่ทางตำรวจยืนยันว่าไม่ได้มีการลงมือทำร้ายร่างกายตามที่ถูกร้องเรียน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเรื่องเกี่ยวโยงกับคดีคนร้ายลอบยิงนายเจริญ เสียชีวิตเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 31 มี.ค. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้รถยนต์ฮอนด้าแจ๊ส สีดำขับเข้าไปในถนนของโรงเรียน ซึ่งอยู่ติดกับจุดเกิดเหตุ จากนั้นคนร้ายใช้อาวุธปืน ยิงนายเจริญ ซึ่งกำลังนั่งทำสวนอยู่ในจุดเกิดเหตุเสียชีวิต ต่อมาวันที่ 10 เม.ย. ตำรวจชุดสืบสวนสามารถแกะรอยภาพกล้องวงจรปิดตามเส้นทางหลบหนีของคนร้าย จนทราบว่ารถคันดังกล่าว ถูกนำไปจอดไว้ที่บ้านของนางนี ในพื้นที่ ต.บางสวรรค์ อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี จึงตามไปที่บ้านของหลานนางนี ก็พบรถเก๋งฮอนด้าแจ๊ส สีดำ ไม่ปิดป้ายทะเบียน กระจกฝั่งคนนั่งด้านหน้าไม่มี ซึ่งเป็นรถที่ตรงกับภาพวงจรปิดที่ตำรวจได้มา
พ.ต.อ.สมชาย กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นจึงเชิญตัวนางนี พร้อมด้วยลูก และหลานรวม 6 คน มาให้การเป็นพยานในคดีที่ สภ.ปลายพระยา พร้อมทั้งยึดเอารถเก๋งคันดังกล่าวมาด้วย ซึ่งนางนี ยืนยันว่าเป็นรถของหลานชาย โดยระหว่างเดินทาง ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายตามที่นางนี กล่าวอ้าง ภายหลังสอบปากคำเสร็จ ก็ให้ทั้งหมดกลับบ้านได้ ไม่ได้มีการกักขังตัวไว้แต่อย่างใด หลังจากนั้นตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานที่ได้มาทั้งหมด ทั้งพยานแวดล้อมอื่นๆ สามารถออกหมายจับนายอรุณ หรือฉ้อย ซึ่งเป็นสามีใหม่ของนางนี ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตรตรองไว้ก่อน ร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนไปในที่หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นหมายจับของศาล จ.กระบี่ ลงวันที่ 11 เม.ย. หลังจากออกหมายจับ นางนี ก็เข้าไปร้องเรียนว่าถูกทำร้ายที่ค่ายทหาร มทบ.45 จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมทั้งนำผลตรวจร่างกายของ รพ.ไปประกอบการร้องเรียน
รอง ผบก.ภ.จ.กระบี่ กล่าวอีกว่า ทางทหารค่าย มทบ.45 สั่งสอบสวนเรื่องนี้ โดยตนเป็นหนึ่งในตำรวจที่เข้าให้การ ซึ่งผลสอบออกมาว่าไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายตามที่ถูกกล่าวหา ผลตรวจสอบทาง รพ.ก็ยืนยันว่า บาดแผลที่ผู้ร้องอ้างว่าเกิดจากการทำร้ายนั้น เป็นบาดแผลที่เกิดจากเหตุอื่น ที่ไม่น่าจะเกี่ยวกับการทำร้ายแต่อย่างใด กรณีที่มีการร้องเรียนเกิดขึ้น ทางตำรวจพร้อมที่จะให้ข้อมูลยืนยันกับหน่วยงานที่รับเรื่องร้องเรียนได้แน่นอน ส่วนเหตุจูงใจที่ทำให้นางนี ไปร้องเรียนนั้น ตนเองไม่ทราบ แต่เชื่อว่าอาจจะมีการแนะนำจากใครบางคนให้ร้องเรียน เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของ จนท.ตำรวจ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในส่วนของการสอบสวนหาข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ทาง พล.ต.ต.ศักดิ์ชัย ลิ้มเจริญ ผบก.ภ.จ.กระบี่ สั่งการให้ชุดสืบสวน ทำรายงานชี้แจงเรื่องนี้ในเบื้องต้น ส่วนจะมีการตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนเรื่องนี้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาระดับสูง ในส่วนของคดียิงนายเจริญ ทางตำรวจรวบรวมพยานหลักฐาน จนสามารถออกหมายจับสามีของนางนี ซึ่งเชื่อว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุ ซึ่งยังอยู่ในระหว่างหลบหนี โดยก่อนนี้พยายามติดต่อข้าราชการในพื้นที่ เพื่อจะขอเข้ามอบตัว แต่ยังไม่เดินทางเข้ามอบตัวแต่อย่างใด โดยตำรวจมีพยานแวดล้อมยืนยันได้ว่ารถคันที่ใช้ก่อเหตุ ถูกนำออกไปจากบ้านของหลานชายนางนี ในช่วงก่อนเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ 2-3 วัน รถคันดังกล่าวก็ถูกนำกลับมาจอดไว้ที่บ้านดังกล่าว โดยจอดไว้บริเวณด้านหลังบ้าน ขณะเดียวกันตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อออกหมายจับผู้ร่วมก่อเหตุเพิ่มเติม
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: