ชาวบ้านเกาะลันตา วอนผู้รับผิดชอบ เร่งแก้ปัญหา หลังเกิดน้ำท่วมซ้ำซาก พบคลองสายหลักหลายจุดถูกถมปิดทางน้ำ
จากกรณีน้ำท่วมในพื้นที่เกาะลันตา อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ หลังเกิดพายุฝนถล่มติดต่อกันหลายวันในพื้นที่จังหวัดฝั่งอันดามัน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะเกาะลันตา ที่ประสบปัญหาหนักสุด น้ำท่วมกลายจุด เนื่องจากไหลระบายลงสู่ทะเลไม่ทัน รวมทั้งเกิดดินถล่มปิดเส้นทาง จนท.ต้องเร่งเคลียร์พื้นที่ไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ก.ค.62 นายสฤษฎ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.เขต 2 จ.กระบี่ เดินทางเข้าตรวจสอบปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ ต.ศาลาด่าน อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ โดยลงพื้นที่ไปตรวจสอบจุดที่เกิดปัญหาหนักสุดในพื้นที่หมู่ 2 ต.ศาลาด่าน เพื่อสอบถามปัญหาจากชาวบ้าน รวมถึงตรวจสอบต้นเหตุของการเกิดน้ำท่วม ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า พื้นที่เกิดเหตุหลายจุด มีการลักลอบถมดินรุกล้ำลงไปในลำคลองสาธารณะ ซึ่งเป็นคลองสายหลักที่ทำหน้าที่ระบายน้ำที่ไหลลงจากภูเขาบนเกาะ ลงสู่ทะเล โดยพบว่าบางจุดมีการถมที่ดินขวางลำคลองชัดเจน ทำให้ทางระบายน้ำลงสู่ทะเลถูกปิดกั้น เมื่อเกิดเหตุฝนตกต่อเนื่อง 2-3 วัน ทำให้ปริมาณน้ำที่ไหลลงมาจากภูเขา เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร ได้รับความเดือดร้อนเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะพื้นที่หมู่ 2 พบบ้านเรือนราษฎรนับร้อยครัวเรือน ได้รับความเดือดร้อน
นางโชติรส ดำโดด อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28/2 หมู่ 2 ต.ศาลาด่าน กล่าวว่า ชาวบ้านต้องเจอปัญหาน้ำท่วมฉับพลันมาแล้วถึง 2 ครั้งในปีนี้ ครั้งล่าสุดเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งจะสังเกตว่าทุกครั้งที่ฝนตกหนักๆ น้ำจะไหลท่วมแน่นอน ซึ่งส่วนหนึ่งเชื่อว่าเกิดจากการก่อสร้างถนนใหม่ เพราะก่อนหน้าจะมีการก่อสร้างถนน ยังไม่เคยท่วม ตนมาอยู่เกาะลันตานาน 11 ปี แล้วเพิ่งเจอปีนี้เป็นปีแรก หลังจากนี้ก็ยังเกรงว่าจะเกิดน้ำท่วมอีก
ขณะที่นายย่า ไร่ใหญ่ อายุ 87 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 หมู่ 4 ต.ศาลาด่าน ที่บ้านประสบเหตุดินถล่มใส่ กล่าวด้วยว่า ช่วงเกิดเหตุ มีฝนตกหนักมาก ตนก็เอาจอบออกไปขุดร่องน้ำ เพื่อให้น้ำระบายแต่ต่อมาเกิดดินบนภูเขา เริ่มไหลลงมาตนก็วิ่งหนีทันที ต่อมาดินก็ไหลถล่มลงมาเข้าไปในตัวบ้านทันที ยอมรับว่าตกใจมากตอนเกิดเหตุ ตั้งแต่ตนเกิดมา 80 กว่าปี ยังไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เจอ หลังดินถล่มก็ตรวจสอบดูพบว่าดินไหลเข้าไปในบ้านจำนวนมาก ข้าวของได้รับความเสียหาย เบื้องต้น จนท.ก็เข้ามาช่วยเหลือเก็บกวาดแล้ว
ขณะที่นายสฤษฎ์พงษ์ กล่าวว่า จากการลงตรวจสอบสภาพความเป็นจริง ก็พบว่าพื้นที่ลุ่มเดิม ที่เคยเป็นพื้นที่กักน้ำแบบแก้มลิง วันนี้ถูกถมไปหมดแล้ว ขณะเดียวกันเส้นทางลำคลองที่คอยระบายน้ำ ก็แคบลง และบางจุดเริ่มตื้นเขิน จึงอยากให้หน่วยงานเกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการจัดทำผังเมืองรวมกันอย่างจริงจัง รวมทั้งสำรวจพื้นที่ว่าจุดไหนบ้างที่มีปัญหา จุดไหนหนักสุดก็ต้องเร่งหามาตรการแก้ปัญหาเร่งด่วน โดยจะต้องเปิดจุดระบายน้ำเพิ่มมากขึ้น เพราะปัจจุบันจุดระบายน้ำข้ามถนนมีไม่เพียงพอ จึงทำให้น้ำไม่สามารถระบายข้ามถนนไปสู่ทะเลได้ จึงไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร ซึ่งตนจะเร่งประสานหน่วยงานที่รับผิดชอบ ลงมาหาทางแก้ไขในระยะยาวทันที
