กระบี่-หนุ่มพนักงานขับรถส่งของที่กระบี่ ตายขึ้นอืดในบ้านพักที่วัดถ้ำเสือ ยังไม่ทราบสาเหตุ
วันที่ 16 เม.ย.64 ร.ต.อ.วิทยา หนูกุล รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองกระบี่ รับแจ้งเมื่อคืนวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมามีคนพบศพผู้เสียชีวิตภายในบ้านไม่มีเลขที่ ตั้งอยู่ในบริเวณวัดถ้ำเสือวิปัสสนา หมู่ 1 ต.กระบี่น้อย อ.เมืองกระบี่ หลังรับแจ้งจึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วพร้อมด้วย ตำรวจชุดสืบสวน จนท.พิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวร รพ.กระบี่ จนท.กู้ภัยมูลนิธิกระบี่พิทักษ์ประชา เดินทางไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุตั้งอยู่ด้านหลังของวัดถ้ำเสือ เป็นสวนยางอยู่ในบริเวณวัด พบบ้านเกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ไม่มีเลขที่ สภาพข้างบ้านเป็นที่ฝังกระดูกคน หน้าบ้านพบรถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน ทะเบียน กมท 905 กระบี่ จอดอยู่ ภายในบ้านเป็นห้องโถงโล่ง พบร่างผู้เสียชีวิต ทราบชื่อคือนายสมบูรณ์ หรือโอม รักษาสังข์ อายุ 35 ปี เป็นพนักงานขับรถส่งของให้กับห้างสรรพสินค้าในตัวเมืองกระบี่ นอนเสียชีวิตอยู่ในสภาพนอนคว่ำหน้าอยู่บนผ้าปูนอนบนพื้นบ้าน ไม่สวมเสื้อ นุ่งผ้าโสร่งคล้ายจีวรพระ ในห้องเกิดเหตุ ไม่พบร่องรอยการต่อสู้ พัดลมในห้องยังเปิดอยู่ ใกล้ศพพบเอกสารเล่มทะเบียนรถ จยย. โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ของผู้ตายตั้งอยู่ ตรวจสอบที่ตัวไม่พบบาดแผลจากการถูกทำร้าย คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 วัน เนื่องจากศพเริ่มเน่า ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว
สอบถามจากนายสำราญ รักษาสังข์ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29/1 หมู่ 1 ต.กระบี่น้อย พ่อของผู้ตาย ทราบว่า ก่อนจะมาพบลูกชายนอนตายเป็นศพดังกล่าว ตนได้รับแจ้งจากแฟนสาวของผู้ตายทางโทรศัพท์ ว่าแฟนสาวเดินทางมาดูผู้ตายที่บ้านพักดังกล่าว ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านตนประมาณ 200 เมตร เนื่องจากไม่สามารถติดต่อผู้ตายได้มา 2-3 วันแล้ว แฟนสาวมาที่บ้านก็ได้กลิ่นเหม็นเน่าออกมาจากบ้าน แต่พบรถผู้ตายจอดอยู่หน้าบ้าน จึงโทรศัพท์มาบอกให้ตนไปดู พอมาถึงก็ให้ญาติ ๆ ช่วยกันงัดประตูบ้านออก เพื่อจะเข้าไปดู ถึงกับผงะเมื่อพบร่างลูกชายนอนตายขึ้นอืดส่งกลิ่นเหม็นทั้งห้อง เบื้องต้นไม่ได้ติดใจว่าลูกจะถูกฆาตกรรม เพราะจากร่องรอยที่พบก็ไม่น่าจะถูกฆ่าได้ เพราะประตูห้องก็ล็อคจากด้านใน และไม่มีรอยบาดแผล อย่างไรก็ตามต้องให้ทาง จนท.นำศพส่งไปตรวจหาสาเหตุการตายก่อน
นายสำราญ กล่าวอีกว่า ปกติที่บ้านเกิดเหตุ ลูกชายจะอาศัยอยู่คนเดียว โดยที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินที่ครอบครัวบริจาคให้กับวัดถ้ำเสือ ทางวัดจึงให้สร้างบ้านดังกล่าวไว้ได้ เพราะญาติ ๆ ก็ใช้เป็นที่สำหรับฝังกระดูกของบรรพบุรุษด้วย ก่อนนี้ลูกชายไม่เคยมีโรคประจำตัว จึงยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเสียชีวิตเพราะอะไร ตนพบกับลูกครั้งสุดท้ายเมื่อประมาณวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา จากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก ก็คิดว่าลูกคงยุ่งทำงานจึงไม่ได้สนใจ จนมาทราบว่าลูกชายเสียชีวิตดังกล่าว.
