X

รวบ 4 ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงซื้อลอตเตอรี่มูลค่ากว่า 24 ล้านบาท

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหา 4 ราย ในคดีฉ้อโกงซื้อขายลอตเตอรี่ในพื้นที่หัวหิน ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายกว่า 24 ล้านบาท ผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้ว 81 ราย

วันนี้ (วันที่ 30 ม.ค. 65) ที่สถานีตำรวจภูธรหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พลตำรวจโท ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงซื้อขายลอตเตอรี่ในพื้นที่หัวหิน  พร้อมด้วย ,พลตำรวจตรี รักษ์จิต หม้อมงคล รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พันตำรวจเอก กิตติภพ ชมภูนุข ,พันตำรวจเอก วิธิวัฒน์ ศรีทองจ้อยรองผู้บังคับการตำรวจภูธร ,พันตำรวจเอก หงส์พรหม วิศิษฐ์ชนะชัย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหัวหิน พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวน เข้าร่วม

โดยขณะนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 4 ราย คือ นายภาณุพงศ์ หรือชีส ชุมภารี อายุ 24 ปี พ่อค้าลอตเตอรี่ชาวอำเภอหัวหิน,นายบัณฑิต หรือปอง เฟื่องฟู อายุ 23 ปี ชาวอำเภอหัวหิน,นายอนุสรณ์ หรือกอล์ฟ ชุมภารี อายุ 29 ปี ชาวอำเภอหัวหิน และนายอนุชา หรือแซม ทุ่งคำ อายุ 33 ปี ชาวตำบลเขาแก้วศรีสมบูรณ์ อ.ทุ่งเสลี่ยงจ.สุโขทัย ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน

พลตำรวจโท ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7  กล่าวว่า พฤติการณ์ของคดีนี้คือ  นายภาณุพงศ์ หรือชีส,นายบัณฑิต หรือปอง และนายอนุสรณ์ หรือกอล์ฟ  ได้ทำการติดต่อชักชวนประชาชน คนที่รู้จัก และประกาศข้อความทางเฟชบุ๊ก ให้บุคคลทั่วไปทราบ โดยอ้างว่ามีโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลในสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งเป็นโควตาผู้ใหญ่รายหนึ่ง ชักชวนให้ร่วมสั่งจองโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลกับกลุ่มผู้ต้องหาซึ่งสามารถซื้อได้ในราคาถูกใบละ 78-79 บาท เป็นเหตุให้มีประชาชนหลงเชื่อกว่า 30 ราย  โอนเงินสั่งจองสลากกินแบ่งรัฐบาลกับกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งในช่วงแรกจะได้สลากตามที่สั่งซื้อ เมื่อผู้เสียหายสั่งซื้อสลากจำนวนเงินเพิ่มมากขึ้น กลุ่มของผู้ต้องหาได้เงินไปแล้ว แต่ไม่ได้สลากมาส่งมอบให้ผู้เสียหายตามที่สั่งซื้อ

เมื่อผู้เสียหายติดตามทวงถามเงินคืน นายภาณุพงศหรือชีส จึงให้ข้อเท็จจริงว่านายนายอนุซาหรือแชม เป็นผู้รับเงินต่อไปอีกทอดหนึ่ง เป็นเหตุให้ผู้เสียหายทั้งกว่า 30 ราย ได้รับความเสียหายรวมเป็นเงินจำนวน 24,063,640 บาท คณะพนักงานสอบสวน เมื่อรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว จึงขอศาลจังหวัดหัวหิน ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย  ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

กรณีนี้มีผู้เสียหายจำนวนมากและความเสียหายหลายสิบล้าน ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานของกฎหมาย ฟอกเงินด้วย คณะพนักงานสอบสวน ได้ประสานแจ้งไปยังสำนักงานเลขาธิการ ป.ป.ง. เพื่อตรวจสอบทรัพย์สิน ของผู้ถูกกล่าวหาไว้อีกส่วนหนึ่ง ส่วนกรณีการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน คณะพนักงานสอบสวนจะได้ เร่งรัดรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขยายผลต่อไปให้ถึงที่สุด และให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งสองฝ่าย

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7  กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบประวัติของ นายอนุชา พบว่าเคยก่อคดีฉ้อโกงประชาชนในจังหวัดสุโขทัย และท้องที่ สน.สายไหม และก่อเหตุมาหลายพื้นที่ มีผู้เสียหายแจ้งความไว้ในพื้นที่ ตำรวจภูธรภาค 1 ,3 และ 5 มีมูลความความเสียหายมากกว่าที่หัวหิน หลังจากนี้คงมีประชาชนเข้ามาแจ้งความเพิ่มเติม ส่วนประชาชนที่ได้รับความเสียหายยังไม่ได้เข้ามาแจ้งความขอให้เข้ามาแจ้งความ เพื่อดำเนินคดีในต่างกรรมต่างวาระกัน ในเรื่องนี้มีมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก รายที่เสียหายมากที่สุดมูลค่าถึงสามล้านบาท มั่นใจพยานในพยานหลักฐานจะสามารถดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด และจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน