สลด !!! รถเก๋งเสียหลัก ชนต้นยางพารา ดับ 1 บาดเจ็บ 3 ขณะจะไปเยี่ยมญาติ วันฮารีรายอ

สงขลา – สะเดา เกิดเหตุเศร้าสลด รถเก๋งบรรทุก แม่ ลูกและหลานจะไปเยี่ยมญาติ เนื่องในวันฮารีรายอ เสียหลักพุ่งชนต้นยางพารา พังยับ เพื่อนบ้านช่วยกันนำร่างออกมา พบเสียชีวิต 1 บาดเจ็บ 35 มิ.ย. 62 ร.ต.ท.ขัตติยะ สามทอง พนักงานสอบสวน สภ.สะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า เกิดเหตุรถยนต์เสียหลักพุ่งชนต้นยางพารา มีผู้เสียชีวิต ในพื้นที่ ม.5 บ.ควนตานี ต.สำนักแต้ว อ.สะเดา จ.สงขลา จึงรีบนำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุซึ่งมีชาวบ้านประมาณ 50 คนมายืนมุงดู  พบรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นโคโรน่า สีเขียว หมายเลขทะเบียน กพ.4211 สงขลา จอดพลิกตะแคง อยู่ใกล้ต้นยางพาราในสภาพพังยับ ด้านหน้ารถมีรอยชน และกระจกรถด้านหน้าแตกทั้งบาน โดยมีรอยล้อรถไถลยาวกว่า 50 เมตร จากที่เกิดเหตุใกล้ๆรถพบมีผู้เสียชีวิต 1 คน ชาวบ้านได้ช่วยกันนำร่างออกมาหลังจากที่เกิดเหตุ  ซึ่งทราบชื่อผู้เสียชีวิตในเวลาต่อมาคือนางมารีเย๊าะ เจะนิ อายุ 65 ปี อยู่ที่ 4 ม.1 ต.ปุลากง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี สภาพศพมีบาดแผลฉกรรจ์กะโหลกศรีษะแตก เลือดไหลนองพื้น ส่วนคนที่ได้รับบาดเจ็บจำนวน 3 คน เจ้าหน้าที่กู้ชีพไม้ขม ของเทศบาลเมืองสะเดา ได้นำไปส่งโรงพยาบาลสะเดา ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไปถึงสำหรับคนบาดเจ็บมีนายอับดุลเลาะ มะลี อายุ 37 ปี อยู่ที่ 85 ม.5 บ.ควนตานี ต.สำนักแต้ว อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งเป็นคนขับมีอาการแน่นหน้าอก เนื่องจากถูกอัดกระแทกกับพวงมาลัยรถ  ด.ช.มูฮัมหมัด ซากีร อายุ 6 ปี ได้รับบาดเจ็บศรีษะแตก แพทย์ให้นอนพักที่โรงพยาบาลเพื่อรอดูอาการทั้งคู่  ส่วนนายรอมซู มะลี อายุ 19 ปี กระดูกไหปลาร้าร้าว หลังจากได้รับการปฐมพยาบาล แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้สอบถามเพื่อนบ้าน ซึ่งคุยกับนายอับดุลเลาะฯ บอกว่านางมารีเย๊าะฯ ซึ่งเป็นแม่ได้เดินทางมาเยี่ยมลูกและหลานๆ เนื่องในเทศกาลฮารีรายอ พอตอนเย็นแม่ก็ชวนลูกและหลานจะไปเยี่ยมญาติ ที่ จ.ปัตตานี  จึงขับรถออกมาโดยให้แม่นั่งด้านหน้า ส่วนเด็กๆนั่งด้านหลัง พอถึงที่เกิดเหตุเป็นถนนสาย บ.ควนตานี – เขาน้ำค้าง ซึ่งพื้นถนนเป็นหินเกล็ด รถได้เกิดเสียหลัก ล้อหลังด้านซ้ายตกร่องข้างถนน จึงได้หักพวงมาลัยประคองรถขึ้นมา แต่รถขับมาด้วยความเร็วค่อนข้างสูง เกิดเสียการทรงตัวลื่นไถลไปชนต้นยางพาราซึ่งอยู่ข้างทาง จนพังยับและพลิกตะแคงข้างดังกล่าว   ก่อนที่ชาวบ้านจะช่วยออกมาเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ ต้องรอให้นายอับดุลเลาะฯ มีอาการเป็นปกติก่อน ถึงจะสอบสวนรายละเอียดเพิ่มเติมอีกครั้ง ว่าจะเป็นการขับรถโดยประมาท จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ และเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิตหรือไม่ ต่อไป