สงขลา-สะเดา เกิดเหตุระทึกไฟไหม้บ้านในตลาดเทศบาลอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ช่วงเช้าตรู่ คาดต้นเหตุมาจากบ้านช่างเชื่อมนักประดิษฐ์ โดยเพลิงลุกไหม้ทำความเสียหายบ้านใกล้เคียงรวม 4 หลัง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลสะเดาใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ถึงจะควบคุมสถานการณ์ไว้ได้
7 ก.พ. 2567 เวลาประมาณ 06.00 น. ร.ต.อ.สายชล สุภาพเจริญกุล พนักงานสอบสวนเวร สภ.สะเดา ได้รับแจ้งเกิดเหตุไฟไหม้บ้านที่ถนนทองหวานวิถี เขตเทศบาลเมืองสะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชา และประสานเจ้าหน้าที่ดับเพลิง เจ้าหน้าที่กู้ชีพไม้ขมเทศบาลเมืองสะเดา ก่อนรีบนำกำลังเข้าไปยังที่เกิดเหตุ
พบไฟกำลังลุกไหม้บ้านอย่างรุนแรง ซึ่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและเจ้าที่กู้ชีพได้ช่วยกันเร่งระดมฉีดน้ำเพื่อควบคุมไม่ให้ลุกลาม ซึ่งต้องระดมรถดับเพลิงมาจำนวน 4 คัน โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงควบคุมสถานการณ์ไว้ได้
ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าต้นเพลิงมาจากบ้านชั้นครึ่ง ก่อนลุกลามไปยังบ้านข้างเคียงซึ่งลักษณะเป็นไม้ทั้งหลังแต่ไม่มีคนอยู่อาศัยเนื่องจากเป็นบ้านเก่า ซึ่งเสียหายหมดทั้งหลัง ส่วนอีกหลังซึ่งอยู่ถัดไปได้รับความเสียหายเล็กน้อย
แต่อย่างไรก็ดีเปลวเพลิงยังได้สร้างความเสียหายให้กับอพาร์ทเม้นท์ 3 ชั้นที่อยู่ติดกัน โดยพบว่าบริเวณชั้นสองห้องพักได้รับความเสียหายรวม 4 ห้อง ส่วนคนที่อยู่อาศัยวิ่งหนีเอาตัวรอดออกมาได้ทัน
นายชำนาญ ปิ่นกระจาย อายุ 45 ปี ชาวจังหวัดพิจิตร ซึ่งเป็นผู้ที่อาศัยบ้านต้นเพลิงบอกว่า ตนเองมีอาชีพเป็นช่างเชื่อม ช่วงเกิดเหตุนอนหลับอยู่ในบ้าน มาตกใจรู้สึกตัวว่ามีไฟไหม้อยู่ที่บริเวณหน้าบ้าน คิดว่าใครมาเผาบ้านจึงรีบลุกมาเปิดประตูหน้าบ้าน ก่อนวิ่งหนีเอาตัวรอดซึ่งนายชำนาญฯได้รับบาดเจ็บถูกไฟคลอกจนเป็นแผลพุพองบริเวณหัวไหล่ และแผ่นหลัง เจ้าหน้าที่กู้ชีพได้รีบนำตัวส่ง รพ.เพื่อทำการช่วยเหลือโดยทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบ้านต้นเพลิงมีรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน ผน 6686 จอดอยู่ซึ่งและถูกเปลิวเพลิงทำความเสียหาย ส่วนใกล้ๆกันมีอุปกรณ์ตู้เชื่อมโลหะวางอยู่ รวมทั้งซากรถโกคาร์ท ทั้งนี้มีเพื่อนบ้านรายหนึ่ง(ขอสงวนชื่อ) บอกว่าเห็นนายชำนาญเชื่อมโลหะทั้งวัน และชอบประดิษฐ์โน่นนี่นั่น โดยเจ้าหน้าที่ได้กันพื้นที่ไม่ให้ผู้ที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องเข้าไปในที่เกิดเหตุ เพราะอาจเกิดอันตรายได้ ซึ่งสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ ต้องรอทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานทำการตรวจสอบโดยละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ( ขอบคุณภาพบางส่วนจากเจ้าหน้าที่กู้ชีพไม้ชม)
