สงขลา-สะเดา เกิดอุบัติเหตุรถกระบะไล่บี้กันมาสองคัน เสียหลักชนท้ายกันเอง ก่อนพุ่งชนรถจักรยานยนต์ และรถบรรทุกพ่วง ส่งผลเสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บสาหัส 1 ราย
เมื่อเวลาประมาณ 22.30 น.คืนที่ผ่านมา ( 28 ต.ค.66 ) พ.ต.ต.ไพโรจน์ วงษ์ถวิล สารวัตรสอบสวนเวรฯ สภ.สะเดา รับแจ้งเหตุว่าเกิดอุบัติเหตุรถชนกันซ้ำซ้อนหลายคัน บนถนนกาญจนวนิช ( ด่านนอก – สะเดา ) หน้าศูนย์กักตัว ผู้ต้องกัก ตรวจคนเข้าเมืองสงขลา พื้นที่ ม.2 ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคน
จึงได้ประสานหน่วยกู้ชีพในพื้นที่หลายหน่วยทั้งกู้ชีพสำนักขาม กู้ชีพไม้ขม รถพยาบาลฉุกเฉินโรงพยาบาลสะเดาและปาดังเบซาร์ พร้อมนำกำลังลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุและช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ
บริเวณที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียนเลข กร4673 พระนครศรีอยุธยา เสียหลักไปชนท้ายกับรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียนส่วนหน้า 82-1224 สุรินทร์ พ่วงหลังทะเบียน 82 -1225 ที่จอดอยู่ริมถนน กระจกหน้าแตก หลังคารถโก่งผิดรูป ส่วนด้านขวาของรถกระบะพังยับ และมีคนบาดเจ็บติดอยู่ภายในรถจำนวน 3 ราย พบมีอาการบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพต้องช่วยกันนำออกจากรถ และรีบนำส่งโรงพยาบาล
ส่วนบริเวณใกล้ๆกัน พบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่าฟีโน่ป้ายแดง ล้มอยู่บนถนนสภาพพังเสียหาย และพบร่างผู้หญิงซึ่งเป็นคนขับ นอนหมดสติ ห่างจากรถประมาณ100 เมตร หน่วยกู้ชีพต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน
โดยหลังจากที่หน่วยกู้ชีพนำตัวผู้บาดเจ็บทั้ง 4 คนส่งโรงพยาบาล ปรากฏว่าได้เสียชีวิต 3 ราย ประกอบด้วย นายไกรสรณ์ ขำสุนทร ชาว ต.สะเดา อายุ 37 ปี นายสุทธิลักษณ์ แสงสุวรรณ อายุ 50 ปี ชาว ต.ปริก และนางมาลินี ปิกจมปู อายุ 61 ปี เป็นคนขับรถจักรยานยนต์ ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 1 ราย คือนายธีรพงษ์ สกุลหงส์ อายุ 39 ปี ชาว ต.ปริก
จากการสอบถามนายวัชรพงษ์ ฉิมงาม อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถบรรทุกพ่วง บอกว่า ขณะที่ ตนเองกำลังขับรถมาอย่างช้าๆเพราะเป็นช่วงขึ้นเนิน และกำลังเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวจะจอดริมทาง เพื่อไปทำธุระฝั่งตรงข้าม
ระหว่างนั้นสังเกตเห็นรถยนต์กระบะ 2 คัน ขับตามกันมาด้วยความเร็ว เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุได้เกิดเสียหลักชนท้ายกัน ทำให้รถเสียหลักไถลมาชนกับท้ายรถจักรยานยนต์ และยังไปฟาดกับท้ายรถบรรทุกอย่างแรง ส่วนรถกระบะอีกคันขับต่อไปอย่างรวดเร็ว
เบื้องต้น สารวัตรสอบสวนเวรฯ สภ.สะเดา ได้ตรวจสอบจุดเกิดเหตุและลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เพื่อจะได้ติดตามหาพยานหลักฐานต่างๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
