X

สงขลา ลักรถเช่าในมาเลย์ข้ามไทย จีพีเอสฟ้องจอดกลางกรุงฯ จนท.บุกรวบ พบคนขับเป็นตำรวจ

สงขลา-สะเดา หนุ่มเจ้าของรถเช่าชาวมาเลเซีย เข้าพบตำรวจสถานีตำรวจภูธรสะเดา เพื่อขอความช่วยเหลือ หลังจาก GPS ตรวจพบรถเช่าของตนเอง ถูกนำข้ามมายังประเทศไทย ผ่านทางด่านพรมแดนใน จังหวัดนราธิวาส เชื่อถูกนำไปขาย ก่อนได้รับการประสานจับกุมตัวคนขับได้พร้อมรถ ที่กรุงเทพมหานคร พบคนขับเป็นตำรวจ

30 มี.ค.2566 เมื่อ 28 มี.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าว 77 ข่าวเด็ด และผู้สื่อข่าวอัมรินทร์ทีวี ประจำจังหวัดสงขลา ได้พา Mr.Muhummad Iskanda Bin Alias อายุ 26 ปี และ นายบุญสิทธิ์ พรหมจันทร์ อสม.ไทยสยาม ซึ่งเป็นล่ามแปลภาษา เข้าพบ พ.ต.ต.อวยพร อุบลพันธ์ สวป.สภ.สะเดา เพื่อขอความช่วยเหลือเหตุรถหาย

จากการบอกผ่านล่ามทราบว่า Mr.Muhummad Iskanda Bin Alias มีอาชีพเปิดเต้นท์รถให้เช่า ในรัฐเคแอล ประเทศมาเลเซีย และวันที่ 27 มี.ค. 2566 เวลา 06.00 น. พบว่ารถยนต์ ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่น ไฮลักซ์ สีดำ สี่ประตู ทะเบียน VHS 4190 มาเลเซียซึ่งมีชายชาวมาเลเซียคนหนึ่งเช่าไป ได้สูญหาย จากพื้นที่  ปาเสมัส รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย

โดยจากการติดตาม GPS ที่ติดตั้งไว้ในรถ พบว่ารถถูกนำข้ามประเทศไทย ผ่านทางด่านพรมแดน (ด่านบูเกะตา ) อ.แว้ง จ.นราธิวาส ในช่วงเช้าตรู่วันที่ 27 มีนาคม ก่อนมาจอดอยู่ในพื้นที่ ต.ทุ่งลุง อ.หาดใหญ่  จังหวัดสงขลา และพื้นที่บ้านทุ่งลาน อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา ช่วงค่ำ และพื้นที่ป่าพะยอม จ.พัทลุง ในช่วงเที่ยงคืน

ซึ่ง Mr.Muhummad Iskanda Bin Alias พร้อมกับภรรยา และลูก พร้อมล่ามได้เดินทางมาเข้ามาทางด่านพรมแดนสะเดาในช่วงเช้าวันที่ 28 มี.ค.66 เวลาประมาณ 09.50 น. เพื่อขอความช่วยเหลือให้ติดตามรถ ซึ่ง GPS ได้แสดงว่ารถจอดอยู่บริเวณลานจอดรถ ของคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง บริเวณหลัก 4 เขตบางเขน กทม.

พ.ต.ต.อวยพร อุบลพันธ์ สวป.สภ.สะเดา จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรีบประสานการปฎิบัติ กับ ศปจร.ภ.จว.สงขลา และ ศปจร.ตร. เพื่อทำการติดตามรถยนต์คันดังกล่าว พร้อมกันนั้นเจ้าของรถเช่าได้สั่งผ่านระบบ GPS ให้เครื่องยนต์ไม่ทำงาน และในระหว่างนั้นผู้สื่อข่าว THAI PBS ซึ่งได้รับการติดต่อจากนายบุญสิทธ์ พรหมจันทร์ ที่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ให้ช่วยไปสังเกตการณ์ หลังจากที่ทราบพิกัดจุดจอดรถที่แน่นอน

ซึ่งพบว่ารถจอดอยู่บริเวณนั้นจริง และส่งรูปถ่ายตำหนิรถกลับมายืนยัน  ก่อนที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( ศปจร.ตร.) และ เจ้าหน้าที่ ตร.สภ.บางเขน ซึ่งได้รับการประสานไว้ก่อนหน้านั้น เข้าถึงจุดที่เกิดเหตุ และร่วมกันวางแผนการปฏิบัติ จนกระทั่งสามารถควบคุมตัวผู้ที่ขับรถมาจอดไว้ได้ ในเวลาประมาณ 13.30 น.วันเดียวกัน ขณะเดินมาเปิดประตูรถ  เป็นชายอายุ 50 ปี ชาวแขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร

จากการตรวจสอบรถในเบื้องต้นพบว่ารถถูกเปลี่ยนป้ายทะเบียนเป็นหมายเลข 3 กฒ 3798 กรุงเทพมหานคร ตรวจค้นภายในรถพบแผ่นป้ายทะเบียน ก 3225 สุราษฏร์ธานี ( ป้ายแดง ) 1 แผ่น แผ่นป้ายทะเบียน ฬ  6336 กรุงเทพมหานคร ( ป้ายแดง ) วางอยู่บริเวณเบาะด้านหลัง ซึ่ง 1 ในนั้นเป็นป้ายทะเบียนปลอม  กุญแจรีโมท เปิด-ปิด รถยนต์ จำนวน 1 ดอก อุปกรณ์ตัดสัญญาณเครือข่ายมือถือ 1 เครื่อง พร้อมโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ VIVO 1 เครื่อง

เบื้องต้นพบว่ารถไม่มีป้ายภาษีรถยนต์ ส่วนป้ายทะเบียนที่ติดตัวรถอยู่ไม่มีในระบบ แต่จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่าป้ายนี้เคยถูกบันทึกภาพไว้ได้ เมื่อเดือนมีนาคม ขณะติดอยู่ที่รถยนต์คันอื่น ส่วนป้ายแดงผู้ถูกจับกุมบอกว่าใช้สลับ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับภาพจากกล้องวงจรปิด นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ถูกจับกุมเป็นตำรวจกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา “ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม”แต่ทางด้านผู้ถูกจับกุม “ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ”

โดยจากข้อมูลพบว่าเครือข่ายในการลักรถข้ามแดนฯ มีการเชื่อมโยงทั้งในประเทศไทย และมาเลเซีย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้ทำการสืบสวนต่อไปว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องในการนำเข้า หรือขโมยรถข้ามชาติในครั้งนี้ เพื่อติดตามมาสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.ต.อวยพร อุบลพันธ์ สวป.สภ.สะเดา บอกว่ากรณีนี้การกระทำความผิดไม่ได้เกิดในประเทศไทย และผู้เสียหายเป็นชาวต่างชาติ แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ทั้งนี้เพื่อภาพพจน์ และความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศ เช่นเดียวกับเจ้าของรถเช่าที่บอกผ่านล่ามว่า หากไม่ได้ตำรวจสะเดาช่วยไว้ ป่านนี้รถของตนเองคงถูกนำไปขายและสูญหายอย่างแน่นอน ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ไทยมากๆ

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ภูมริน มหันตมรรค

ภูมริน มหันตมรรค

เคยเป็นสื่อทีวีในฐานะทีมช่างภาพตั้งแต่ยุคเปิดตัว ITV. และทำข่าว นสพ.ท้องถิ่นมาก่อน และหยุดไปช่วงนึง 4 ปี เนื่องจากย้ายไปอยู่ที่เชียงใหม่ กลับมาก็เริ่มใหม่ในสื่อทีวี และ นสพ. จนกระทั่งปัจจุบัน 77 ข่าวเด็ด