สงขลา-สะเดา เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ตรวจสอบพื้นที่ป่าชายเลนริมทะเลสาบสงขลา หลังพบนายทุนครอบครอง โดยกว้านซื้อจากชาวบ้าน ก่อนปรับสภาพพื้นที่เพื่อปลูกปาล์มน้ำมันกว่า 338 ไร่ ล่าสุดเตรียมเสนอให้กรมที่ดิน เพิกถอนเอกสารสิทธิ์
19 ม.ค.2566 ร.ต.อ.ธรรมวิทย์ แต่งภูมิ ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 9 กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตำบลคูเต่า อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ตรวจสอบกรณีนายทุนกว้านซื้อที่ดินจากชาวบ้าน จำนวน 22 แปลง เนื้อที่รวมกว่า 338 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าชายเลนติดกับทะเลสาบสงขลา ซึ่งดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษแล้ว
ข่าวน่าสนใจ:
โดยเจ้าหน้าที่ตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ จาก สค.1 เป็น นส.3 ก. ตั้งแต่ปี 2520-2541 จำนวน 22 แปลง ซึ่งมีการออกให้เฉพาะราย 17 แปลง และจากการเดินสำรวจ 5 แปลง โดยแต่ละแปลงก็มีการระบุเหตุผลว่า เป็นพื้นที่ทำนา ทั้งที่บริเวณดังกล่าว เป็นป่าพรุ และ ป่าชายเลน อาณาเขตติดทะเลสาบสงขลา ซึ่งจากการตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศย้อนหลัง ก็ไม่พบร่องรอยการทำประโยชน์ในที่ดินทั้งหมด
นอกจากนี้ตรวจสอบสารบบที่ดิน บางแปลงก็ไม่พบข้อมูล จึงเชื่อว่า น่าจะไม่มีตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัด พิสูจน์การออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินพื้นที่ป่าชายเลน จึงทำให้เชื่อว่า ออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ หลังจากนี้ดีเอสไอ จะเสนอให้กรมที่ดิน เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินทั้งหมด 338 ไร่
ซึ่งการสอบสวน พบว่า นายทุนชาวอำเภอหาดใหญ่ คนหนึ่ง ได้กว้านซื้อที่ดินทั้ง 22 แปลง รวม 338 ไร่ จากชาวบ้าน ก่อนว่าจ้างรถแบ็กโฮ เข้าทำการขุดร่องสวน เมื่อเดือนมิถุนายน 2565 เพื่อปลูกปาล์มน้ำมัน และได้ขุดทำลายทางสาธารณะเดิมด้วย และขณะนี้ก็มีการล้อมรั้วลวดหนามรอบที่ดินทั้งหมด
ด้านพันเอกดุสิต เกษรแก้ว หัวหน้าชุดตรวจสอบและแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ การทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบในสารบบยืนยันว่า พบความไม่ชอบมาพากลในการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดิน และพบกลุ่มทุนครอบครองที่ดิน จึงต้องดำเนินการ และตรวจสอบอย่างเข้มข้น เพื่อนำที่ดินกลับมาสู่การครอบครองของรัฐให้ได้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: