X

สงขลา รวบแก๊งโม่งลิง อ้วน ผอม ลักทรัพย์ทั่วประเทศ มูลค่าเสียหายรวมกว่า 50 ล้านบาท

สงขลา-สะเดา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ นำทีมรวบตัวผู้ต้องหาแก๊งโม่งลิง อ้วนผอม ตระเวนลักทรัพย์ทั่วประเทศ พร้อมขยายผลสืบทรัพย์ ส่งมอบคืนให้ผู้เสียหาย มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท

จากกรณีในห้วงระหว่างปี พ.ศ.2559 – พ.ศ.2565 ได้มีแก๊งคนร้าย จำนวน 3-4 คน ร่วมกันก่อเหตุตระเวนลักทรัพย์เจาะตู้เซฟ โดยคนร้ายแต่งกายสวมหมวกโม่งลิง ใส่เสื้อแขนยาว กางเกงายาว ใส่ถุงมือยาว   สวมรองเท้าสตั๊ดดอยสีดำ สะพายเป้สีดำ มีชะแลงเหล็กยาว โดยก่อเหตุในพื้นที่ของ ภ.1 จำนวน 1 คดี พื้นที่ ภ.5 จำนวน 8 คดี ภ.7 จำนวน 1 คดี และพื้นที่ ภ.9 จำนวน 12 คดี รวม 22 คดี

กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล  รอง ผบ.ตร. เร่งดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุในคดีนี้โดยด่วน เนื่องจากกลุ่มคนร้ายดังกล่าวมีพฤติการณ์ที่อุกอาจ ก่อเหตุอย่างต่อเนื่องไม่เกรงกลัวกฎหมาย สร้างความหวาดกลัวให้พี่น้องประชาชน และสร้างความเสียหายในภาพรวม เป็นมูลค่ามากกว่า 50 ล้านบาท

และได้ออกคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 406/2565 ลงวันที่ 8 ก.ย.65 แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานและประสานข้อมูลและการปฏิบัติจากหลายท้องที่ เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายดังกล่าวอย่างเร่งด่วนเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน และเร่งติดตามทรัพย์สินที่ถูกลักเอาไปกลับคืนมาโดยเร็ว

ซึ่งต่อมา บก.สส.ภ.9 พร้อมด้วย กก.สส.ภ.จว.สงขลา และ กก.สส.ภ.จว.สตูล ได้ทำการสืบสวนทราบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุมีจำนวน 4 คน คือ 1. นายวสันต์     อายุ 39 ปี    อยู่ที่ 16 ม.2 ต.ยะรม อ.เบตง จ.ยะลา 2. นายสมพร   อายุ 44 ปี อยู่ที่ 241 ม.11 ต.กำแพง อ.ละงู จ.สตูล 3. นายเกษม  อายุ 49 ปี อยู่ที่ 115/1 ม.3 ต.ตา เนาะแมเราะ อ.เบตง จ.ยะลา  และ 4. นายเรืองศักดิ์ อายุ 41 ปี อยู่ที่ 64 ซ.21 ถ.แกรนด์วิลล่า 3 ต.เบตง อ.เบตง จ.ยะลา ( ภูมิลำเนาเดิม จ.เชียงราย )

โดยคนร้ายมีพฤติการณ์ในการก่อเหตุกล่าวคือ จะขับรถยนต์ตระเวนหาเป้าหมายในการก่อเหตุ ที่เป็นร้านค้า สถานประกอบการ สหกรณ์การเกษตร ปั๊มน้ำมัน ร้านค้าขนาดใหญ่ที่มีตู้นิรภัย ที่ตั้งอยู่ติดกับป่าละเมาะ หรืออยู่ห่างไกลจากบ้านเรือนหรือชุมชน เมื่อสบโอกาส ก็จะแต่งกายคล้ายการสวมชุด PPE สวมหมวกโม่งลิง สะพายเป้สีดำ ใช้ไขควงยาวในการงัดแงะเข้าไปในตัวอาคารแล้วเข้าไปลักเอาทรัพย์สิน โดยใช้ชะแลงเหล็กหรือเครื่องเจียรเหล็ก เจาะทำลายตู้นิรภัย หรือยกเอาตู้นิรภัย หรือจะนำเซิร์ฟเวอร์ของกล้องวงจรปิดไปด้วย โดยตระเวนก่อเหตุลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่  จากภาคใต้-ภาคเหนือ

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้ยกแก๊ง สอบถามผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยเข้าช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า โดยแปลงตัวหรือปลอมตัวเป็นผู้อื่น มอมหน้าหรือทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหน้าหรือจำหน้าได้

โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป, โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม, ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่น, ร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป” พร้อมตรวจยึดสิ่งของที่ใช้ในการกระทำผิดจำนวนหลายรายการ อาทิ รถยนต์ เครื่องแต่งกาย และอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อเหตุ

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังสามารถตรวจยึดทรัพย์สิน ที่ถูกลักเอาไปในคดีหมู่บ้านปาล์มสปริง 11  คือประเภทนาฬิกา หรู จำนวน 8 เรือน และน้ำหอม จำนวน 3 ขวด และสามารถตรวจติดตาม ขยายผลสืบทรัพย์ของคดีร้านสำเพ็ง หาดใหญ่ สามารถตรวจยึด เครื่องประดับ จำนวน 5 ชิ้น รวมมูลค่าทรัพย์สินที่สามารถติดตาม ส่งคืนให้กับผู้เสียหาย มูลค่าประมาณ 2 ล้านเศษ และจะเร่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามทรัพย์สินที่ยังไม่ได้คืนมาอย่างเร่งด่วน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีนี้เป็นอีกคดีที่ได้รับความสนใจจากประชาชนและสื่อมวลชน เนื่องจากมีการก่อเหตุต่อเนื่องในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ มูลค่าความเสียหายค่อนข้างสูง จึงได้มีการสั่งการแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเพื่อลงมือรวบรวมพยานหลักฐาน จากที่เกิดเหตุในหลายพื้นที่รวมกัน นำหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์และภาพจากกล้องวงจรปิดนำมาวิเคราะห์ข้อมูล จนสามารถระบุแผนประทุษกรรมที่มีลักษณะคล้ายกัน และนำมาสู่การระบุตัวและจับกุมผู้ต้องหาทั้งสี่รายได้

และยังได้ทำการตรวจสอบเส้นทางทางการเงินของกลุ่มคนร้าย เพื่อประกอบเป็นหลักฐานเอาผิดและลงโทษคนร้ายให้ถึงที่สุด จากนี้จะสั่งการให้ทุกพื้นที่ที่มีเหตุลักทรัพย์ที่มีพฤติการณ์คล้ายกับคดีดังกล่าว นำพยานหลักฐานมาเปรียบเทียบเพื่อขยายผลในการแจ้งข้อกล่าวหาผู้ก่อเหตุเพิ่มเติม รวมทั้งติดตามผู้ร่วมขบวนการ และผู้รับซื้อของที่ได้จากการลักทรัพย์ต่อไป

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ภูมริน มหันตมรรค

ภูมริน มหันตมรรค

เคยเป็นสื่อทีวีในฐานะทีมช่างภาพตั้งแต่ยุคเปิดตัว ITV. และทำข่าว นสพ.ท้องถิ่นมาก่อน และหยุดไปช่วงนึง 4 ปี เนื่องจากย้ายไปอยู่ที่เชียงใหม่ กลับมาก็เริ่มใหม่ในสื่อทีวี และ นสพ. จนกระทั่งปัจจุบัน 77 ข่าวเด็ด