X

สงขลา ร้องผ่านสื่อฯ นักธุรกิจมาเลย์ วอน จนท.อลุ่มอล่วยผู้ประกอบการ เมืองบันเทิงด่านนอก

สงขลา-สะเดา นักธุรกิจมาเลเซีย เชื้อสายอินเดีย ตัดพ้อผ่านสื่อ หวังสร้างความคึกคักทางเศรษฐกิจ ในพื้นที่ท่องเที่ยวชายแดนไทย –มาเลเซีย โหมลงทุนหนักหลายกิจการต่อเนื่อง หลังโควิด – 19 คลี่คลาย แต่บางหน่วยงานของภาครัฐยังไม่เอื้อ จนกลายเป็นการปิดโอกาสเติบโต และการฟื้นตัวของบ้านเมือง


28 ต.ค.65 ดาโต๊ะ ดร. รามา ชานเดรน ( Dato Dr. Rma Chandern ) ชาวมาเลเซียเชื้อสายอินเดีย ซึ่งนับเป็นนักธุรกิจ อันดับต้นๆ ที่เปิดตัว โดยการลงทุนทำธุรกิจต่างๆหลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ที่ ซ.ไทย-จังโหลน 6 บ.ด่านนอก อ.สะเดา จ.สงขลา ประกอบด้วย โรงแรมที่พัก ผับ ร้านอาหารร้าน คาราโอเกะ คลับ และร้านนวดสปา

เเฟ้มภาพ

ดาโต๊ะ ดร.รามาฯบอกว่า ขณะที่ธุรกิจกำลังรอการฟื้นตัว เราก็อดทนสู้กันไป ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างงานให้กับพนักงานหรือลูกน้อง ที่มีจำนวนเกือบ 100 คน ซึ่งแต่ละคนส่วนใหญ่ก็มีครอบครัว พ่อ แม่ ลูก ที่ต้องดูแลเป็นทอดๆ รวมค่าใช้จ่ายเฉพาะพนักงานตกเดือนละ 1 ล้านบาท โดยยอมรับว่าที่ผ่านมาต้องแบกภาระในการขาดทุนมาตลอด ทั้งนี้เพราะนักท่องเที่ยวยังมีจำนวนน้อย ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง ซึ่งที่สำคัญคือการเพิ่งฟื้นตัวจากภัยโควิดฯนั่นเอง

สิ่งที่บั่นทอน หรือน่าน้อยใจของนักธุรกิจ คือการไม่สนองหรือให้โอกาสเท่าที่ควร จากหน่วยงานของรัฐบางหน่วยงาน ยกตัวอย่างเมื่อหลายวันก่อนพนักงานของตนเอง ซึ่งเป็นชาวมาเลเซียเชื้อสายอินเดีย จำนวน 3 คน ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัว และตั้งข้อกล่าวหาไม่มีใบอนุญาตในการทำงาน จนเป็นเหตุให้พนักงานที่เหลือพากันแตกตื่นและหวาดกลัว เตรียมที่จะลาออกเนื่องจากเกรงว่าจะถูกจับกุมด้วย จนส่งผลกระทบต่อระบบงาน

เข้าใจได้ว่ามันเป็นเรื่องผิดกฎหมายเรายอมรับ แต่ในขณะที่ธุรกิจกำลังเริ่มเดิน ขั้นตอนนี้พอจะอลุ้มอล่วยก่อนได้ไหม ทั้งนี้ทางเราก็ไม่ได้นิ่งเฉย มีการจัดตั้งเป็นบริษัทอย่างถูกต้องแล้วเมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่วันที่ 21 ต.ค.ลูกน้องก็โดนจับ ทั้งที่กระบวนการขอใบทำงานหรือ Work permit กำลังจะเริ่ม

ด่านนอกซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยว เชื่อว่าหากลงลึกกันจริงๆ ชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานน้อยคนที่จะมีใบอนุญาตการทำงาน แต่ทำไมที่อื่น ร้านอื่นถึงไม่โดน หรือเป็นเพราะตนเองถูกมองว่าเป็นมาเฟีย เป็นเจ้าพ่อ ตรงนี้ตรวจสอบได้ทั้งประวัติส่วนตัว ( ในประเทศมาเลเซีย ) ว่าเป็นอย่างไรบ้าง หรือสถานบันเทิงที่ตนเองเปิด มีการบังคับ ทารุณ ขู่เข็ญหรือไม่ ทุกวันนี้เพื่อให้ทุกคนอยู่ได้ ให้เมืองมีความคึกคัก เศรษฐกิจในพื้นที่กระเตื้องมากกว่า แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองมองว่าเหมือนคนถูกกระทำจนเกินไป ทั้งนี้ตนเองขอวิงวอน เจ้าหน้าที่รัฐ หรือผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยทุกภาคส่วน ให้โอกาสให้เวลา เพราะจริงๆ แล้วประเทศก็เพิ่งเปิด ธุรกิจทุกอย่างกำลังที่จะก้าวเดินเท่านั้น

ด้าน นายเพิ่มศักดิ์ พร้อมมิตร ทนายความส่วนตัวบอกว่า ดร.รามาฯ พยายามทำทุกวิถีทางที่จะผลักดันเศรษฐกิจในเมืองด่านนอกให้เจริญขึ้นในภาพรวม ซึ่งใช้เวลาเริ่มต้นมาตั้งแต่ก่อนเกิดปัญหาโควิดฯ จนกระทั่งปัจจุบัน ยกตัวอย่างในวันที่ 29 ต.ค.ที่จะถึงนี้ ชุมชนฯจะมีการจัดงานดิปาวลี ซึ่งเป็นเทศกาลแห่งแสงสี หรือวันปีใหม่ของอินเดีย โดย ดร.รามาฯก็จะเข้าร่วม มีการเตรียมการไปแล้วพอสมควร แต่ด้วยความน้อยใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ ดร.รามาฯตัดสินใจยกเลิกไม่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมดังกล่าว

“ดร.รามาฯเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ ว่าทำไมเจ้าหน้าที่บ้านเมือง แทนที่จะสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลที่ชักจูงเชิญชวน นักลงทุนนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทย เพื่อให้เกิดการจ้างงาน แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ได้ใช้แนวนโยบายของรัฐบาลให้เป็นประโยชน์กับบ้านเมือง ซึ่งหากมองอีกมุมเหมือนกับเป็นการทำลายมากกว่า”

ซึ่ง ดร.รามาฯได้บอกว่า เมืองด่านนอกเป็นเมืองชายแดนฯเมืองโซนนิ่ง กฎหมายประเทศไทยเป็นแบบยืดหยุ่นซึ่งต่างกับประเทศมาเลเซียที่ค่อนข้างเจาะจง ซึ่งน่าจะยืดหยุ่นกันบ้างในช่วงที่ประเทศเพิ่งเปิดมาใหม่ๆ แต่ทั้งหมด ดร.รามาฯ ยอมรับในเรื่องที่ผิด แต่ไม่ใช่เป็นการปฎิบัติแบบเลือกที่รักมักที่ชัง โดยทรรศนะส่วนตัวของ ดร.รามาฯมองว่าตัวเองถูกกระทำ จากเจ้าหน้าที่รัฐ แทนที่จะส่งเสริมสนับสนุนตามแนวนโยบายของรัฐบาล ซึ่งมองว่าทุกอย่างกลับตรงกันข้าม นายเพิ่มศักดิ์ฯบอก

สำหรับ ย่านซอย 6 ไทยจังโหลน นับว่าเป็นถนนสายธุรกิจบันเทิง รองรับนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย ที่ใหญ่ที่สุด ในเมืองท่องเที่ยวด่านนอก ชายแดนไทยมาเลเซีย ที่มีพร้อมทั้งบาร์ คาราโอเกะ ที่กิน ที่พัก ร้านนวด ร้านเสริมความงาม ร้านตัดผมโดยธุรกิจส่วนใหญ่เป็นของ ดาโต๊ะ ดร. รามาฯ ซึ่งด้วยเหตุผลนี้จึงอาจเป็นที่จับตามองของคู่แข่ง และเจ้าหน้าที่บางหน่วยงานที่จะจ้องหา และเพียงหวังผลประโยชน์เท่านั้น

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ภูมริน มหันตมรรค

ภูมริน มหันตมรรค

เคยเป็นสื่อทีวีในฐานะทีมช่างภาพตั้งแต่ยุคเปิดตัว ITV. และทำข่าว นสพ.ท้องถิ่นมาก่อน และหยุดไปช่วงนึง 4 ปี เนื่องจากย้ายไปอยู่ที่เชียงใหม่ กลับมาก็เริ่มใหม่ในสื่อทีวี และ นสพ. จนกระทั่งปัจจุบัน 77 ข่าวเด็ด