สงขลา ร้านอาหารเจเจ้าดัง อ.สะเดา ยังขายราคาเดิม แม้วัตถุดิบแพงทำต้นทุนเพิ่ม

สงขลา-สะเดา รับเทศกาลกินเจ 4 พี่น้อง รวมตัวทำบ๊ะจ่าง กวงเชียงเผือกทอด สืบทอดเมนูเด็ดจากอาม่า  เจ้าเก่าเจ้าเดียวใน ขายมากว่า 30 ปี พร้อมเมนูอาหารเจอีกหลากหลาย ยันขายราคาเดิม แม้วัตถุดิบมีราคาแพงขึ้น ส่วนลูกค้ามีทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ รวมทั้งลูกค้ากลุ่มวัยรุ่น สายรักสุขภาพที่เพิ่มขึ้น

27 ก.ย. 65 บรรยากาศในช่วงเทศกาลกินเจ ที่ร้านขายอาหารเจ เจ้าเก่าเจ้าเดิม ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ 63/6 ใกล้หอนาฬิกา เขตเทศบาลเมืองสะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา พบว่ามีลูกค้าจำนวนมาก ต่างพากันมาเลือกซื้อกับข้าวเจ-ขนมเจ ตั้งแต่ในช่วงเช้าตรู่ ซึ่งกับข้าวเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ เลยทีเดียว

มีให้เลือก ประมาณ 30 เมนู

นางจำลอง ประไพสิทธิ์ อายุ 65 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน บอกกับผู้สื่อข่าวว่าร้านเปิดขายมา 36 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้เคยขายเต็มวัน ก็ขายดีนะ แต่ในช่วงโควิดฯยอดการขายก็ลดลง เนื่องจากลูกค้านั่งกินไม่ได้ต้องซื้อกลับบ้าน และทางร้านก็ปรับเวลาขายจากเต็มวันเหลือเพียงครึ่งวัน ส่วนปีนี้ก็ขายดี แต่ก็ขายถึงช่วงบ่ายๆ ก็เก็บล่ะ เนื่องจากอายุมากขึ้น เด็กๆ ก็ไปเรียนกันหมดไม่มีคนช่วย

กวงเชียง 

สำหรับราคาขายแตกต่างจากปีก่อนๆนิดหน่อย เนื่องจากผักแพงมากปีนี้ ทุกอย่างเลยไม่ใช่แค่ผัก ของที่เขาทำมาสำเร็จรูปขึ้นทุกอย่าง น้ำมันก็ขึ้น ก็ขายอยู่ที่ประมาณ 40 บาทเหมือนเดิม ส่วนลูกค้ามีหน้าใหม่เพิ่มขึ้นมาเยอะ แต่เดิมๆเยอะกว่า รวมทั้งกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่จากเมื่อก่อนไม่ค่อยกิน แต่ตอนนี้เยอะมากคนไทยด้วยนะ ไม่ใช่เชื้อสายจีน

บ๊ะจ่างเจ

อาหารในร้านทำเกือบ 30 อย่าง ทั้งแกงทั้งอะไร ก็ขายดีทุกอย่างจะไม่เหลือ ที่เด็ดๆ คือ กวงเชียงที่ทำจากเผือก มันแกว และถั่วลิสง ซึ่งเป็นอาหารว่าง ที่คนจีนนิยมกินกับกาแฟ นอกจากนั้นก็บ๊ะจ่างเจ ที่ทำจากข้าวเหนียวแปะก๊วย ถั่ว บุก เห็นหอม เกาลัด หมูสามชั้นเจ โปรตีน โดยสูตรลับความอร่อยมาตั้งแต่สมัยอาม่า ทำขายในช่วงเทศกาลกินเจเป็นเวลา 10 วัน ซึ่งในปีนี้ขายตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย.- 4 ต.ค. 65 ก็จะทำขายต่อไปทุกปีจนกระทั่งไม่ไหวนั่นแหละ

4 พี่น้องช่วยกันทำ

ด้าน นางสาวเมษา เเซ่ย่อง ซึ่งเป็นหลานของเจ้าของร้านบอกว่า ร้านเจที่นี่เป็นเจ้าหลักๆ ที่ขายมานานใน อ.สะเดา มี 4 พี่น้องเชื้อสายแต้จิ๋วช่วยกันทำ ส่วนที่ว่ามีเด็กวัยรุ่นกินอาหารเจเพิ่มมากขึ้น ส่วนตัวคิดว่าบางคนกินมังสวิรัติอยู่แล้ว บางคนก็กินตามกระแส และก็มีส่วนหนึ่งที่เป็นสายเฮลท์ตี้ สายรักสุขภาพ ก็เลือกที่จะกินอาหารเจ ซึ่งมีขายหาซื้อได้ง่ายในช่วงเทศกาล ส่วนในปีนี้การขายนับว่าดีกว่าปีก่อน เนื่องจากโควิดฯซาๆ ไป คนออกมานั่งกินได้ หรือออกมาจับจ่ายกันมากขึ้น