แจก-จำหน่าย ปุ๋ยราคาถูกให้ชาวสวนทุเรียน อ.สะเดา ดันเป็นแหล่งปลูกใหญ่สุดในสงขลา

สงขลา-สะเดา กลุ่มคนรักการปลูกทุเรียน อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ร่วมเกษตรอำเภอสะเดา จัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับการปลูก ดูแล พร้อมแจกปุ๋ยแก่สมาชิกชาวสวนทุเรียน รวมถึงขายในราคาถูกจำนวนกว่า 20 ตัน หวังดันเมืองสะเดาให้เป็นเมืองทุเรียนจริงๆ ไม่ใช่ทำแบบไฟไหม้ฟาง และเป็นแหล่งปลูกใหญ่สุดในจังหวัดสงขลา

8 เมษายน 2564 เวลาประมาณ 10.00 น.กลุ่มคนรักการปลูกทุเรียน อ.สะเดา จ.สงขลา ดร.ถาวร เรืองวรุณวัฒนา ประธานกลุ่ม ได้จัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับการปลูก ดูแลรักษา การถ่ายทอดความรู้เรื่อง “ การใส่ปุ๋ยทุเรียน ” ที่ศาลาไท่ฮั้ว สะเดา โดยความร่วมมือจาก นายสุรินทร์ สุริยะวงศ์ นายอำเภอสะเดา นางสุดา ยาอีด เกษตร อ.สะเดา มีสมาชิกในกลุ่มเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 400 คน

ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้นอกจากจะมีการถ่ายทอดความรู้ และเทคนิคต่างๆในการดูแลรักษาทุเรียน โดยนักวิชาการ และผู้ที่มีประสบการณ์ในการปลูกทุเรียนแล้ว ดร.ถาวร เรืองวรุณวัฒนา ประธานกลุ่มฯ ยังได้นำปุ๋ย มาแจกให้กับสมาชิก เพื่อในไปใส่ต้นทุเรียนอีกด้วย

ดร.ถาวรฯ บอกว่าการจัดกิจกรรมในครั้งนี้มีการแจกปุ๋ยให้กับเกษตรกร  ที่ขึ้นทะเบียนกับเกษตรอำเภอซึ่งเป็นการแจกฟรี โดยสมาชิกที่มีพื้นที่ปลูกทุเรียนไม่เกิน 2 ไร่ แจก 10 กก.  ปลูก 2 ไร่ ไม่เกิน 5 ไร่  แจกครึ่งกระสอบ คนที่ปลูกเกิน 5 ไร่แจก 1 กระสอบ   ซึ่งที่ขึ้นทะเบียนแล้ว 230 ราย  มีปลูกไม่เกิน 5 ไร่  จำนวน 70 ราย   เกิน 5 ไร่  46 ราย สำหรับคนที่ปลูกเกิน 5 ไร่ แต่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนเราจะให้ซื้อกระสอบละ 600 บาท ไม่เกินคนละ 5 กระสอบ ซึ่งปัจจุบันในร้านขายอยู่กระสอบละ 950 บาท  ทั้งนี้จำนวนปุ๋ยประมาณ 25 ตัน

“โดยหลังจากแจกไปแล้วเราจะมีการตรวจสอบติดตาม โดยเกษตรตำบล ว่าหลังจากใส่ปุ๋ยไปแล้วทุเรียนดีขึ้นมั๊ย    ถ้าดีขึ้นอีกเราก็จะมีการแจกอีกเป็นครั้งที่ 2, 3 , 4  ซึ่งหลังจากครบทุเรียนอายุครบ 2 ปี เชื่อว่าทุเรียนจะดีขึ้นอย่างแน่นอน ส่วนสาเหตุที่มีการแจกปุ๋ยเพราะอยากเห็นทุเรียนในสะเดา เป็นเมืองทุเรียนจริงๆ ไม่ใช่ทำแบบไฟไหม้ฟาง ซึ่งคนที่รอกินทุเรียนมีอยู่เป็นจำนวนมาก “

ด้านนาย สุรินทร์ สุริยะวงศ์ นายอำเภอสะเดา บอกว่าในอนาคตประมาณเดือน ส.ค.ที่จะถึงอาจจะมีการจัดงานมหกรรม ทุเรียนใน อ.สะเดา ขึ้นโดยนำทุเรียนสายพันธุ์ต่างๆ ที่ขึ้นชื่อในพื้นที่ และเชื่อว่าเมืองสะเดาจะเป็นเมืองที่มีการปลูกทุเรียนมากที่สุดใน จ.สงขลา ซึ่งในปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกซึ่งขึ้นทะเบียนไว้ประมาณ 2,500 ไร่ และที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนอีก 3- 4 พันไร่