“กินเจ” ผักสดปรับราคาสูง โควิดและฝนตกหนักทำการค้าไม่คึก

สงขลา-สะเดา ผักสดในตลาดเทศบาลเมืองสะเดาเริ่มปรับราคาสูงขึ้น รับเทศกาลกินเจ และคาดว่าจะปรับราคาขึ้นอีกหากฝนยังตกอย่างต่อเนื่อง เหตุเพราะการเพาะปลูกและขนส่งลำบาก ด้านเจ้าของแผงผักบ่นโควิดทำลูกค้าและรายได้หายกว่าครึ่ง ( มีคลิป )

14 ต.ค.63 ผู้สื่อข่าวได้สำรวจราคาผักสดในตลาดเทศบาลเมืองสะเดา ซึ่งเป็นตลาดศูนย์กลาง ใน อ.สะเดา จ.สงขลา ที่มีการปลีกและขายส่ง ซึ่งก่อนเข้าสู่เทศกาลกินเจ ราคาผักจะปรับสูงขึ้นทุกปี โดยในปีนี้พบว่าราคาผักส่วนใหญ่ก็เริ่มปรับสูงขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว ตั้งแต่ย่างเข้าสู่ช่วงที่มีฝนตกหนัก

นาง กรรยา ชนะพาล เจ้าของแผงผักรายใหญ่ทั้งขายปลีกและส่งบอกว่า ปีนี้ราคาผักมาพร้อมกับฝน ซึ่งผักหลายอย่างเริ่มปรับราคาตั้งแต่ 2 – 3 วันที่ผ่านมา อย่างเช่นผักขึ้นฉ่ายจากราคา 120 บาท ต่อ 1 กิโลกรัม ปรับราคาขึ้นเป็น 180 บาท ผักชีกิโลกรัมละ 140 ปรับเป็น 280 บาท

ส่วนผักทั่วๆไปที่นิยมใช้รับประทานในชีวิตประจำวันเช่นผักคะน้า จากราคา 30 บาท ปรับเป็น 35 บาท ต่อ 1 กิโลกรัม มะเขือยาว 30 บาท ปรับเป็น 35 บาท ผักบุ้งราคา 30 บาท ปรับเป็น 40 บาท ทั้งนี้คาดว่าจะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นอีกหากยังมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง เหตุเพราะบางพื้นที่ที่มีการเพาะปลูกถูกน้ำท่วม และมีความยากลำบากในการขนส่ง

นางกรรยา ยังบอกอีกว่าผักที่มาจากตลาดใหญ่ในภาคกลางเช่นจาก จ.ราชบุรี จะมีต้นทุนสูงกว่า เพราะบวกค่าขนส่ง พ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่จึงมักจะรับผักในพื้นที่มาขายเช่นจากเขต อ.บางกล่ำ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เนื่องจากค่าขนส่งถูกกว่า และผักมีความสดใหม่ มีความบอบช้ำจากการขนส่งน้อยกว่า

อย่างไรก็ดีจากสถานการณ์โควิด ทำให้การค้าขายผักสดในตลาดสดเทศบาลเมืองสะเดาปีนี้ แม้จะใกล้เทศกาลกินเจ ยังไม่คึกคัก เนื่องจากกลุ่มลูกค้าส่วนหนึ่งที่อยู่ในเมืองท่องเที่ยวชายแดน บ.ด่านนอก ที่มีสถานประกอบการ โรงแรมต่างๆ ไม่มีการซื้อเข้ามาเนื่องจากยังไม่มีการเปิดให้บริการ ทั้งนี้เพราะนักท่องเที่ยวที่เป็นชาวมาเลเซียยังไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศมาได้

ส่วนกลุ่มลูกค้าที่มารับซื้อผักไปขายต่อ หรือนำไปใช้ประกอบอาหารในร้านต่างๆกำลังซื้อก็ไม่มากเหมือนก่อนช่วงโควิด เพราะลูกค้าลดลงเช่นกัน หรือแม้แต่ประชาชนในเขต อ.สะเดากำลังซื้อก็ลดลง เนื่องจากส่วนใหญ่มีอาชีพกรีดยางพาราฝนตกหนักและต่อเนื่อง ทำให้ขาดรายได้ ที่แผงจากที่ปกตินำผักมาขายวันละ 1 คันรถกระบะที่มีรั้ว ปัจจุบันนี้เหลือเพียงวันล่ะครึ่งคันรถกระบะเท่านั้น ซึ่งทำให้รายได้หายไปเป็นครึ่ง นางกรรยา บอก