X

ศาลยกฟ้อง อรรถพล สันประเสริฐ “แพะลังส้ม” หลังถูกกล่าวหาซุกยาบ้า 52,000 เม็ด

ปทุมธานี ศาลยกฟ้อง  อรรถพล สันประเสริฐ “แพะลังส้ม” หลังถูกกล่าวหาซุกยาบ้า 52,000 เม็ด

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 17 กพ.64 ศาลจังหวัดธัญบุรี อ่านคำพิพากษายกฟ้อง นายอรรถพล สันประเสริฐ  ผู้ต้องหาในคดีครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 52,000 เม็ด โดยมีนางทิพาพร เกตุประเสริฐ อายุ 50 ปี แม่ และญาติๆ ของนายอรรถพล พร้อมด้วยนายสมพร ดำพริก และทีมทนายความเข้ารับฟังคำพิพากษาดังกล่าว ทั้งนี้การอ่านคำพิพากษาดังกล่าวนั้นเป็นการอ่านผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ไปยังเรือนจำธัญบุรี สถานที่ควบคุมตัวผู้ต้องหา

ภายหลังรับทราบผลคดี นางทิพาพร เกตุประเสริฐ เปิดเผยว่า ตนเองรู้สึกดีใจและขอขอบคุณทีมทนายความของท่านสมพร ดำพริก ทนายความจากสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ที่เข้ามาช่วยเหลือโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งนี้คดีที่ลูกชายตนเองโดนจับกุมนั้นเริ่มจากการเมื่อประมาณวันที่ 3 พค. 2562 ตนเองไม่อยู่บ้าน และเมื่อกลับมาก็ได้ทราบจากเพื่อนบ้านว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายมาที่บ้านพักของตนเอง และมีการนำภาพของนายอรรถพล ลูกชายของตนไปสอบถามกับเพื่อนบ้านว่าคนนี้อยู่บ้านนี้ใช่หรือไม่ เมื่อตนทราบเรื่องดังกล่าวจึงรีบเดินทางไปพบเจ้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เจ้าหน้าที่ก็เพียงบอกว่ามาเยี่ยมและถามว่าลูกชายตนนั้นมีพฤติกรรมมั่วสุม อะไรหรือไม่ ตนเองก็บอกไปว่าลูกตนทำมาหากินไม่เคยมั่วสุมใดๆ และมีการนำตัวลูกชายมาตรวจปัสสาวะก็ไม่พบว่ามีสารเสพติดแต่อย่างใด

ต่อมาในวันที่  4 พค.62 ลูกชายก็โดนจับกุมตัว ในข้อหามียาบ้า 52,000 เม็ดโดยยาบ้านั้นอยู่ในลังส้มและอยู่ในรถยนต์ที่ย่านตลาดไท และถูกนำตัวฝากขังในเรือนจำระหว่างที่ดำเนินคดี  ซึ่งตนเองก็ยืนยันว่าลูกชายไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว และไม่ได้เดินทางไปยังสถานที่ดังกล่าวด้วย  และนำหลักฐานกล้องวงจรปิดที่ลูกชายตนเองอยู่ในวันที่มีการจับกุม  อีกทั้งรถยนต์ที่พบนั้นเดิมเป็นของตนเองจริง แต่ได้ขายไปตั้งแต่ปี 62 แล้ว โดยขายให้กับเต้นท์รถมือสอง รวมทั้งโอนลอยไว้  โดยหลังจากถูกฝากขังในเรือนจำราว 70 วัน ลูกชายของตนก็ได้รับการปล่อยตัวออกมาเพราะตำรวจสั่งไม่ฟ้อง โดยปล่อยตัวออกมาเมื่อวันที่  12 กค.62 แต่ต่อมาทางอัยการกลับสั่งฟ้อง จนถูกชายของตนต้องถูกจับเข้าเรือนจำอีกครั้งโดยครั้งนี้ถูกควบคุมตัวอยู่หลายเดือน จนวันนี้ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องดังกล่าว

ด้านนายสมพร ดำพริก ทนายความ กล่าวว่า คดีนี้ถือเป็นคดีที่ดูแล้วรู้สึกว่าไม่ค่อยถูกต้อง และคดีนี้มีโทษสูงถึงประหารชีวิต ทั้งนี้หลักฐานที่ตำรวจมีอยู่นั้นคือรถยนต์คันเกิดเหตุ ซึ่งรถคันนี้นางทิพาพร ผู้เป็นแม่ได้ซื้อไว้ และขายต่อให้เต้นท์รถมือสองไปนานแล้ว และมีการขายต่อให้คนอื่นไปแล้วแต่ยังไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์ ซึ่งก็มีหลักฐานเอกสารการซื้อขาย และพยาน  ซึ่งหลังถูกจับกุมก็มีการนำหลักฐานต่างๆ ไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ คือพนักงานสอบสวนทั้งหมด  รวมทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดสถานที่ที่อยู่รวมทั้งพยานยืนยันสถนที่อยู่ของนายอรรพล ผู้ถูกกล่าวหา อีกด้วย ซึ่งพนักงานสอบสวนก็มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง จนกระทั่งเรื่องไปถึงอัยการ ทั้งนี้ทราบว่าอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องและส่งเรื่องไปยังอธิบดีอัยการ ภาค 1 และก็มีคำสั่งฟ้องในที่สุด

ที่น่าสนใจคือรถคันเกิดเหตุนั้นสามารถตรวจสอบได้แล้วว่าใครซื้อไป และมีการเรียกตัวคนซื้อมาสอบถามแล้วเขาก็ยอมรับว่าเขาซื้อรถคันดังกล่าวมาจริงและสามีเป็นคนนำไปใช้ แต่ทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่แจ้งข้อหาเขา แต่กลับมาแจ้งข้อหากับนายอรรถพล จนวันนี้ศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง แล้ว โดยศาลไม่เชื่อในพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ ส่วนจะมีการฟ้องร้องกลับในส่วนของผู้เกี่ยวข้องหรือไม่นั้น คงต้องเป็นสิทธิ์ของผู้เสียหายที่จะดำเนินการ

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

พนอ ชมภูศรี

พนอ ชมภูศรี

พนอ ชมภูศรี คลุกคลีในวงการสื่อสารมวลชนมานาน โดยเริ่มงานครั้งแรกในราวปีพศ.2540 โดยเข้าร่วมงานกับ นสพ.อาชญากรรม รายสัปดาห์ จากนั้นก็ทำงานเป็น ขทร.ไทยรัฐ นสพ.บ้านเมือง ก่อนจะไปยัง นสพ.คมชัดลึก และเครือเนชั่นกรุ๊ป รายงานข่าว ความเดือดร้อน ระวังภัย และข่าวพัฒนาในชุมชนในท้องถิ่นทางเนชั่นทีวี วันนี้พร้อมแล้วที่จะเป็นปากเสียง และนำเสนอการพัฒนาเมืองปทุมธานี