ประชุมเลือกนายกฯ ส่อยาว ปัดตกแสดงวิสัยทัศน์ อภิปรายคุณสมบัติ “ประยุทธ์” ต่อ

(5 มิ.ย. 62) เวลา 11.00 น. นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้กล่าวถึงหลักการและเหตุผลประชุมร่วมระหว่าง 2 สภาในการเลือกนายกรัฐมนตรี

นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ เสนอชื่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี และ นางสาวศรีนวล บุญลือ ส.ส. แบบแบ่งเขต จังหวัดเชียงใหม่ เขตเลือกตั้งที่ 8 พรรคอนาคตใหม่ ได้เสนอชื่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นนายกรัฐมนตรี และไม่มีสมาชิกจากพรรคอื่นๆเสนอชื่อผู้ที่มีเกณฑ์เข้าเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีก

ด้านนายขจิตร ชัยนิคม ส.ส. แบบแบ่งเขต จังหวัดอุดรราชธานี ได้ลุกขึ้นประท้วงภายในที่ประชุม ระบุว่าไม่ต้องการให้ สมาชิกวุฒิสภาเข้ามามีส่วนร่วมในการประชุมเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งขัดต่อหลักการของรัฐธรรมนูญ ขณะที่ นายชวน หลีกภัย ได้ระบุว่า ในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ ระบุไว้ว่า ในช่วง 5 ปีแรกของการปฏิบัติหน้าที่สวจะมีสิทธิ์เข้ามามีส่วนร่วมในการเลือกนายกรัฐมนตรี

– เสนอญัติให้แสดงวิสัยทัศน์และถอนญัติเอง เพื่อให้ “ธนาธร” แสดงวิสัยทัศน์นอกสภา

นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ส.ส.กทม.พรรคอนาคตใหม่ เสนอให้ผู้ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแสดงวิสัยทัศน์ โดยนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาให้ความเห็นว่าหากมติของสมาชิกมีความเห็นความสมควรแสดงวิสัยทัศน์นั้นก็สามารถกระทำได้ แต่หากเห็นไม่ตรงกันก็ต้องมีมติ แต่ส่วนตัวมองว่าอย่างก็เห็นอยู่แล้วหากมีการแสดงวิสัยทัศน์จะถือว่าเป็นการสิ้นเปลืองเวลาหรือไม่

ด้านนายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย มองว่าการตัดจบของประธานรัฐสภาเป็นการชี้นำเกินไป จึงมองว่า ผู้ท้าชิงตำแหน่งควรแสดงวิสัยทัศน์เพื่อให้ทุกคนให้แห็นภูมิหน้าและภูมิหลังของผู้ถูกเสนอชื่อ

ขณะที่ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ข้อให้ยุติญัติการเสนอให้ผู้ท้าชิงนายกรัฐมนตรีแสดงวิสัยทัศน์ เพราะตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันยังไม่มีการแสงวิสัยทัศน์เกิดขึ้นและเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เพราะคนทั้งประเทศกำลังรอนายกรัฐมนตรีคนใหม่

ส่วนนางสาวพรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า หลายท่านกลัวเสียเวลา ตนมองว่าความเสียเวลาย่อมไม่เกิดขึ้นและไม่มีข้อบังคับกฎหมายกำหนดไว้ ส่วนเรื่องการคุมเวลาเชื่อว่าประธานรัฐสภาสามารถควบคุมได้อยู่แล้ว เราเฝ้ารอการมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่มากว่า 5 ปีแบ้ว ตนมองว่าจะเสียเวลาอีกแค่ 1-2 วัน ก็ไม่น่าจะเป็นอะไร

ประธานรัฐสภากล่าวว่า หากมีสมาชิกต้องการจะให้มีการแสดงวิสัยทัศน์และไม่อยากให้มีการแสดงวิสัยทัศน์นั้น ก็จำเป็นต้องมีการลงมติเพื่อหาข้อสรุปในเรื่องนี้

นายจิรวัฒน์ กล่าวว่าเมื่อมีการโต้เถียงกันและอาจจะต้องใช้เวลาเพิ่มเติมจึงขอถอนญัติดังกล่าว

– คุณสมบัติต้องห้ามในการเป็นรัฐมนตรี

ด้านนายชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส. พรรคเพื่อไทย ระบุว่าไม่เห็นชอบหาก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เนื่องจากมีคุณสมบัติต้องห้ามในการเป็นรัฐมนตรี เพราะการกระทำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาเป็นการขัดต่อหลักการและเหตุผลของรัฐธรรมนูญและมีเจตนาเพื่อสืบทอดอำนาจของตนเอง

นายชลน่าน มองว่าถ้าหากรัฐสภาแห่งนี้เลือก พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีจะเกิดความล้มเหลวในการบริหารประเทศ วิธียึดราชการเป็นส่วนกลาง

ทั้งนี้ในช่วงบ่ายนายพรเพชร วิชิตชลชัยประธานวุฒิสภาได้ขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่ประธานในการประชุมและอภิปรายต่อ

โดยช่วง 13.55 น. นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ อภิปรายว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา น่าจะขาดคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากมีพฤติกรรมน่าจะฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม การรัฐประหาร คืออาชญากรรมสูงสุด เพราะฉีกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ตั้งตนเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ถ้ายึดมั่นจริงต้องไม่ก่อรัฐประหาร ไม่ยึดอำนาจ และไม่ใช้กำลังทางอาวุธไปฉีกรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ยังมีการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งมีผลเป็น พ.ร.บ. เมื่อลงนามมีผลทางกฎหมายทันที ในรัฐธรรมนูญ 2557 เป็นรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่เปิดโอกาสให้แก้รัฐธรรมนูญชั่วคราวได้ กลไกการมีรัฐธรรมนูญ คำถามพ่วง ส่อให้เห็นถึงการสืบทอดอำนาจ ซึ่งรัฐธรรมนูญ 2560 มีนัยไปในทางนั้น พวกเรายังมีโอกาสหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจ กระบวนการสืบทอดอำนาจเริ่มตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.2557 กำลังจะเข้าเส้นชัยวันนี้ ขอแรงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หยุดยั้งไม่ลงมติเลือก พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ และสมาชิกวุฒิสภา ( ส.ว.) หลังได้รับการแต่งตั้งท่านเป็นอิสระแล้ว นี่เป็นโอกาสทองที่จะงดออกเสียงไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ

ด้านนายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา พูดถึงหลักการและเหตุผลที่มองว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เหมาะสมในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมากกว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่มีคดีความทางกฎหมายอยู่ ซึ่ง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส. กรุงเทพฯพรรคเพื่อไทย ระบุว่า นายเสรี เป็นผู้ที่มีความชื่นชอบเผด็จการ ซึ่งนายพรเพชร ขอให้นายจิรายุถอนคำพูดดังกล่าว โดยนายเสรีได้กล่าวตอบโต้ว่า เป็นผู้ที่ชื่นชอบเผด็จการประชาธิปไตยมากกว่า