พรรคพลังธรรมใหม่ลงขอคะแนนเสียงจากชาวตรัง ยันพรรคมีนโยบายชัดเจนไม่เอาเผด็จการพรรคของทหาร เชื่อหลังการเลือกตั้งครั้งนี้การเมืองไทยจะแบ่งขั้วชัดเจน ขณะที่พรรคพลังธรรมใหม่ขอยืนหยัดฝ่าประชาธิปไตย ไม่เอาเผด็จการ และพร้อมเป็นพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ที่มีคุณภาพ
พรรคพลังธรรมใหม่ลงพื้นที่ขอคะแนนเสียงจากชาวตรัง : เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 27 มกราคม 2562 พรรคพลังธรรมใหม่ นำโดย นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรค พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ตรัง ทั้ง 3 เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้แก่ นายอลงกรณ์ คงฉาง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 นายวิชัย น้อยหนู ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 นายนิวัติ ศรีสุข ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 และ นายเขมธนวัฒน์ ชูชาติวงศ์สกุล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. แบบรายชื่อ
ลงพื้นที่พบปะพี่น้องชาวตรังทั้ง 3 เขต เขต 2 อ.ห้วยยอด เขต 1 อ.เมือง และ สุดท้ายที่เขต 3 อ.ย่านตาขาว บรรยากาศการต้อนรับจากพี่น้องประชาชนเป็นไปด้วยความอบอุ่น พรรคพลังธรรมใหม่ ชูนโยบายปลดเอกประเทศไทยสู่สังคมธรรมาธิปไตย นโยบายปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น 0%
นโยบายพลังงานเอาน้ำมัน แก๊สของคนไทยคืนมา ราคาต้องเป็นธรรม หยุดการผูกขาดทางเศรษฐกิจและลดความเหลื่อมล้ำ การแก้ปัญหาความยากจน การกระจายการถือครองที่ดินแก่คนไทย ระบบเศรษฐกิจพอเพียงนำเศรษฐกิจสู่ความยั่งยืน กระทรวงเกษตรยกระดับราคาผลผลิตทางการเกษตรอย่างบูรณาการและยั่งยืน นโยบายสาธารณสุข หมอประจำตัวทั่วไทยใส่ใจการแพทย์ผสมผสานมุ่งมั่นจัดการอาหารปลอดภัย ปฎิรูปการศึกษา ปฎิรูปตำรวจและกระบวนการยุติธรรม
หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนเองมีความคาดหวังประเมินว่าหลังการเลือกตั้งมีรัฐบาลผสมแน่นอนแต่จะมีประเด็นว่าผลการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยและเครือข่ายได้เกิน 250 เสียง เช่น ถ้าเกิน 251 เสียงจะเกิดปัญหาทันทีว่าท่านนายกจะฝืนเป็นนายกหรือไม่โดยใช้เสียงข้างน้อยแล้วเอาเสียง ส.ว. แต่ถ้าเกิดพรรคเพื่อไทยและเครือข่ายรวมเสียงแล้วไม่เกิน 250 เสียง คิดว่าพรรคพลังประชารัฐจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลพร้อมกับ ส.ว. ดังนั้น ก็อาจจะมีความมั่นคงพอสมควร ถ้าเขาได้รวบรวม เพราะหลังการเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐพร้อมเครือข่ายซึ่งอาจจะมี 3-4 พรรค รวมกันได้เกิน 136 เสียงก็จัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว เพราฉะนั้นหลังการเลือกตั้งถ้าพรรคพลังประชารัฐพร้อมเครือข่ายประกาศจัดตั้งรัฐบาลภายใน พรรคขนาดกลางๆ เข้าเสียบหมด ก็มีโอกาสจะเกิน 251 เสียง จากการคาดการณ์ของพรรคพลังธรรมใหม่
จากกระแสแบ่งขั้วชัดเจนระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการ ตนมองว่า เป็นความพยายามของฝ่ายหนึ่งที่ทำให้เกิดประชาชนเลือกข้างมีแต่ฝ่ายเผด็จการทหารกับฝ่ายประชาธิปไตยความจริงไม่ใช่ ความจริงแล้ว คือเผด็จการทหารกับเผด็จการรัฐสภา สิ่งที่พรรคพลังธรรมใหม่จะเอาก็คือ ธรรมาธิปไตย ไม่เลือกทั้ง 2 ข้าง หลังการเลือกตั้งจะดูว่าคะแนนเป็นอย่างไร พลังธรรมพร้อมจะเป็นฝ่ายค้านที่มีประสิทธิภาพ แต่ถ้าเกิดฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะมาชวนพรรคพลังธรรมใหม่เข้าร่วมรัฐบาลก็ขอคิดดูก่อน ถ้าจะเข้าร่วมมีเงื่อนไขเดียวพลังธรรมใหม่จะเข้าร่วมก็ต่อเมื่อฝ่ายนั้นยอมรับนโยบาย ของพรรคพลังธรรมใหม่ทุกข้อให้ลงคุมกระทรวงไหน ถ้าตกลงให้ทางพรรคทำตามนโยบายพรรคพลังธรรมใหม่ทุกข้อ
พรรคพลังธรรมใหม่จึงจะเข้าร่วม ถ้าไม่ตกลงเราไม่เข้าร่วมเพราะถ้าพรรคเข้าไปแล้วพรรคบริหารไม่ได้ พรรคไม่สามารถปลดแอกประเทศได้ พรรคไม่เข้าร่วมขอเป็นฝ่ายค้านที่มีคุณภาพดีกว่านี่คือจุดยืนของพรรคพลังธรรมใหม่ สำหรับการแก้ไขไม่ให้เกิดรัฐประหารขึ้นอีกนั้น ตนเชื่อว่า บทเรียนของประชาชนบทเรียนของพรรคการเมืองมีพอสมควร ถึงวันนั้นพลังธรรมใหม่จะเป็นธงนำพรรคหนึ่งไม่ให้เกิดการรัฐประหารขึ้นมาอีก แต่ยอมรับว่าคาดการณ์สถานการณ์ยาก ตอนนี้พรรคการเมืองก็ทราบกันทั้งหมด ตนคาดว่าถ้าหลังเลือกตั้งถ้ามันจะเกิดแนวโน้มอย่างนี้ ตนมองว่าหยุดเถอะ หยุดก่อนอย่าทำแบบนี้อีก ไม่เช่นนั้นทหารเข้ามายึดอำนาจอีกประเทศชาติก็ย่อยยับอีก นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรค กล่าว
