ลูกวัววิ่งชนรถยนต์เก๋งได้รับความเสียหาย ไม่มีใครอ้างเป็นเจ้าของลูกวัว เดือดร้อนผู้ใหญ่บ้านต้องไปตามเจ้าของมาพบตำรวจ แต่ปัดมั่วอ้างของลูกสาวบ้างไม่ใช่บ้างไม่รู้วัวของใครบ้าง อาจจะต้องขายแม่วัวหรือลูกวัว ทั้งที่ลูกวัวยังไม่หย่านมแม่ ให้กับโรงเชือด เพื่อนำเงินมาจ่ายค่าซ่อมรถที่เสียหาย
ลูกวัววิ่งชนรถเสียหายไร้เงาเจ้าของคาดต้องขายวัวเป็นค่าซ่อม
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 6 ธันวาคม 2561 รับแจ้งจากวิทยุสื่อสาร 191 ว่ามีเหตุวัววิ่งชนรถยนต์ได้รับความเสียหายและไม่สามารถตกลงค่าเสียหายกันได้ จึงแจ้ง ร.ต.อ.อุชุกร สุขบังเกิด ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองตรัง ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ บริเวณที่เกิดเหตุ เป็นริมถนนเข้าหมู่บ้าน หมู่ที่ 3 ต.นาโยงใต้ อ.เมือง จ.ตรัง พบรถเก๋งฮอนด้าแจ๊ส สีดำ ทะเบียน กจ 8416 ตรัง จอดอยู่ริมถนนสภาพด้านหน้ารถไฟแตกกระจาย ด้านข้างมีรอยยุบ เจ้าของรถคือนายธิปไตย โปทอง อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 184 หมู่ที่ 3 ต.ช่อง อ.นาโยง จ.ตรัง ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
นายธิปไตย ผู้เสียหาย ให้การต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ตนเองขับรถมาตามปกติจู่ๆลูกวัวซึ่งอยู่อีกฟากของถนนวิ่งพรวดออกมาชนกับด้านหน้ารถของตนเองอย่างแรง ทำให้รถพังเสียหาย จากนั้นลูกวัวได้วิ่งเตลิดเข้าไปในฝูง สภาพบั้นท้ายของลูกวัวมีเลือดไหล แต่ไม่ยอมให้เข้าใกล้ จากนั้นก็วิ่งเข้าไปหาแม่วัวซึ่งถูกล่ามไว้เพื่อกินนม ตนเองได้สอบถามไปยังชาวบ้านที่อาศัยอยู่แถวนั้นแต่ทุกคนก็อ้างว่าไม่ใช่วัวของตนและไม่รู้จักเจ้าของวัว ตนเองจึงตัดสินใจว่าหากไม่มีเจ้าของ ตนเองจะเอาลูกวัวกลับไปบ้านชดเชยค่าเสียหาย ซึ่งก็ไม่มีใครยินยอมให้เอาลูกวัวกลับ
ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านได้ไปเชิญตัวลูกบ้าน ซึ่งคาดว่าเป็นเจ้าของวัวมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ครั้งแรกที่เจอตำรวจบอกว่าเป็นวัวของลูกสาวแล้วกลับคำบอกว่าไม่ทราบว่าเป็นวัวของใคร ตนเองเพิ่งเดินทางมาจากต่างจังหวัดได้ 2-3 วัน แต่ดูเหมือนว่าไม่สามารถตกลงกันได้ หรือไม่ชดใช้ค่าเสียหาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ออกหมายเรียกเพื่อไปเจรจากัน และหากไม่สามารถหาผู้ชดใช้ได้ ก็จำเป็นต้องนำลูกวัวไปเป็นของกลาง ซึ่งค่าเสียหายประมาณ 15,000 บาท หากขายแม่วัวก็คงจะเพียงพอกับค่าชดใช้ค่าเสียหายในครั้งนี้
