X
ทิงลิขิต,ทุ้รียนตรัง,สาริกา,นกหยิบ,ก้านยาว,หมอนทอง,

“ทองลิขิต” สวนทุเรียนดังเมืองตรัง เปิดจองขายออนไลน์ยอดจองเพียบการันตีคุณภาพ

ทองลิขิต สวนทุเรียนดังเมืองตรัง เปิดขายทุเรียนพันธุ์พื้นเมืองห่อผลมาตรฐาน GAP สวนแรกในอำเภอปะเหลียน โดยมีให้ลูกค้าเลือกเกือบ 20 สายพันธุ์ ราคากิโลกรัมละ 200-250 บาท ราคานี้เท่ากับปีที่แล้ว แม้ผลผลิตจะลดลงถึง 50 เปอร์เซนต์จากพายุและฝนตกหนักผิดฤดูกาล แต่ลูกค้ายังแห่จองเพียบ

ทองลิขิต วันนี้ (16 พ.ค.65) เวลา 09.00 น. ที่สวนทองลิขิต หมู่ที่ 3 ต.ทุ่งยาว อ.ปะเหลียน จ.ตรัง เนื้อที่กว่า 20 ไร่ ซึ่งเป็นสวนของนายบุญเชี่ยว ชัยเกษตรสิน อายุ 63 ปี หลังเรียนจบคณะทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จ.สงขลา ก็ได้สานต่อการทำสวนเกษตรอินทรีย์ของพ่อ นายลิขิต ชัยเกษตรสิน ซึ่งเป็นอดีตกำนันคนดังของตำบลทุ่งยาว

โดยมีการปลูกผลไม้หลากหลายชนิด ทั้งเงาะ ลองกอง มังคุด มุดมะม่วงและทุเรียน โดยเฉพาะทุเรียน ที่เริ่มปลูกพันธุ์หมอนทองและก้านยาวก่อน ต่อมาได้มีการนำทุเรียนพันธุ์ต่าง ๆ ที่เป็นทุเรียนพื้นถิ่นทางภาคใต้และอายุการเก็บเกี่ยวสั้นกว่า เช่น มูซังคิง สาลิกา นกหยิบ ทองตำตัว ทองลินจง นวลทองจันทร์ ฯลฯ มาปลูกรวมแล้วเกือบ 200 ต้น เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น

ทำให้ภายในสวนทองลิขิต เต็มไปด้วยทุเรียนพื้นเมืองและทุเรียนสายพันธุ์ต่าง ๆ กว่า 20 สายพันธุ์ อายุการตัดขายตั้งแต่ 90-135 วัน โดยบางส่วนที่ห่อได้ก็มีการห่อด้วยถุงพลาสติกอย่างดีเพื่อป้องกันหนอน กระรอก กระแตและสัตว์ฟันแทะอื่น ๆ ซึ่งสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์แรกที่เจ้าของสวน เริ่มตัดทุเรียนพื้นเมืองออกมาขายก่อนใครในอำเภอปะเหลียน โดยวางขายทั้งที่หน้าบ้านและผ่านทางสื่อออนไลน์ ราคากิโลกรัมละ 200-250 บาท

ปรากฎว่าเพียงสัปดาห์เดียวมีลูกค้าสั่งซื้อทุเรียนมูซังคิงกว่า 50 ลูกจนหมดเกลี้ยง ส่วนทุเรียนหลงลับแล นกหยิบ และพันธุ์อื่น ๆ กำลังทยอยตัดส่งขายลูกค้าในราคากิโลกรัมละ 200 บาท ไม่ได้มีการปรับขึ้นราคาจากปีที่แล้ว จนแทบหมดเกลี้ยง บางรายซึ่งเป็นลูกค้าเก่ามีการจองข้ามปี เพราะติดใจในรสชาติ

ซึ่งสวนทุเรียนแห่งนี้เป็นศูนย์เรียนรู้การปลูกทุเรียนคุณภาพ ได้รับมาตรฐาน GAP จากกรมส่งเสริมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรฯ มาหลายปีแล้ว โดยมีทุเรียนขนาด 2 คนโอบอายุกว่า 40 ปีและยังให้ผลผลิตไม่ไม่ต่ำกว่าปีละ 700-900 ลูกทุกปี จนกลายเป็นจุดเช็คอินสำหรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเลือกซื้อ และได้ถ่ายภาพกับต้นทุเรียนต้นใหญ่ที่มีจำนวนหลายสิบต้นได้อย่างเพลิดเพลิน ทั้งยังเลือกชิมรสชาติของทุเรียนพันธุ์ต่าง ๆ ที่ร่วงหล่นจากต้นและปลอดภัยจากการใช้สารเคมีได้สด ๆ ใหม่ ๆ กันด้วย

ถึงแม้ปีนี้เกษตรกรจะได้รับผลกระทบจากภาวะฝนตกหนักและลมพัดแรงผิดฤดูกาล ทำให้ผลผลิตร่วงหล่นหายไปเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ ประกอบกับค่าปุ๋ย ค่าน้ำมันและค่าขนส่งแพงขึ้น ทำให้รายได้ต่อปีลดลงจากประมาณ 600,000 บาทเหลือเพียง 300,000 บาท แต่เกษตรกรก็ยังไม่ขึ้นราคา เพราะอยากให้ลูกค้าได้กินทุเรียนคุณภาพหลากหลายชนิด จนตอนนี้มีลูกค้าสั่งจองทางเพจสวนทองลิขิตตรัง ทำให้ทุเรียนพื้นเมืองที่แก่จัดถึง 90 เปอร์เซ็นต์ถูกจองจนเกือบหมดเกลี้ยงแล้ว

ขณะที่นายบุญเชี่ยว (โกเชี่ยว) ชัยเกษตรสิน  เกษตรกรเจ้าของสวนทองลิขิตกล่าวว่า ตนภูมิใจที่ได้ปลูกทุเรียนใต้ ซึ่งพันธุ์สาลิกาเริ่มให้ผลผลิตแม้จะไม่เยอะเพราะอากาศแปรปรวน ทำให้มีการติดผลน้อยลง แต่ยังคงรักษาคุณภาพไว้ โดยเริ่มตัดขายได้แล้วในราคากิโลกรัมละ 200 บาท เท่ากับปีที่ผ่านมา ลูกค้าตอบรับดีเพราะมีเนื้อเยอะ เม็ดลีบ รสชาติดี ตอนนี้ใกล้หมดเต็มทีแล้ว  โดยพันธุ์สาลิกาปลูกไว้ประมาณ 30 ต้น

ส่วนที่เหลือเป็นหมอนทอง ชะนี ก้านยาว รวมกันแล้วเกือบ 200 ต้น ซึ่งสาลิกาตัดขายก่อนเพราะเป็นพันธุ์ทะเรียนเบามีอายุการเก็บเกี่ยวแค่ 95 วัน ส่วนที่เหลือก็จะเริ่มเป็นพันธุ์หนักขึ้นมา เช่น หลงลับแล ชะนี ก้านยาว ซึ่งสาลิกาลูกละ 1-2 กิโลตามมาตรฐาน ถ้าแบ่งเป็นเกรด A ลูกประมาณ 1.8-2 ก.ก กว่าขายกิโลกรัมละ 250 บาท ส่วนเกรด B น้ำหนักต่ำกว่า 1.8 กิโลขายกิโลละ 200 บาท โดยมีลูกค้าเดิม ๆ มาสั่งจอง เพราะที่สวนเน้นคุณภาพตัดลูกแก่จัดประมาณ 90-95 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน