คุณตาวัย 76 ปี ชาวตำบลท่าพญา อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ใช้พื้นที่ว่างข้างบ้านปลูกกุยช่ายมาเกือบ 30 ปีที่แล้ว ปรากฏว่าขายได้กว่า 10,000 บาททุกเดือน ทำให้คุณตานอนยิ้มได้อย่างสบายใจ เพราะไม่ต้องรบกวนเงินลูกหลาน แถมยังขับรถจักรยานยนต์ไปส่งให้ลูกค้าเอง 
กุยช่าย : วันนี้ (5 ม.ค.64) สุดยอดคุณตาวิโรจน์ รัตนปราโมทย์ (โกหลี) วัย 76 ปีอยู่บ้านเลขที่ 75/2 หมู่ที่ 2 ต.ท่าพญา อ.ปะเหลียน จ.ตรัง รู้จักใช้พื้นที่ว่างข้างบ้านขนาดกว้าง 15 เมตร และยาวเกือบ 30 เมตร มาปลูกกุยช่ายเพื่อหาตลาดส่งขายทั้งในอำเภอย่านตาขาว และอำเภอปะเหลียน จ.ตรัง โดยปลูกกุยช่ายมาแล้วเกือบ 30 ปี
โดยครอบครัวเป็นคนจีนจึงชอบรับประทานกุยช่าย ซึ่งได้ขอต้นกุยช่ายจากเพื่อนบ้านมาปลูก ปรากฏว่าได้ผลดีจึงขยายพื้นที่ปลูกออกไปเรื่อยๆ โดยใช้เวลาปลูกประมาณ 40-45 วัน ก็สามารถตัดขายได้ในราคากิโลกรัมละ 25 บาท
ต่อมาโกหลีได้ไปติดต่อแม่ค้าในตลาดอำเภอย่านตาขาวซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี โกหลีจึงขายส่งให้กับแม่ค้าเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบันกุยช่ายมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 50 บาทแล้ว และยังตัดขายได้ทุกวัน ๆ ละ 400-500 บาทหรือเดือนละ 10,000-13,000 บาทเลยทีเดียว
สำหรับต้นกุยช่ายที่ปลูกรอบแรก สามารถแตกต้นอ่อนออกมาใหม่อยู่เรื่อยๆ และขยายพันธุ์โดยการแยกต้นอ่อนไปปลูกได้ โดยไม่ต้องหาซื้อต้นพันธุ์มาปลูกเพิ่ม ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ลงไปได้มาก ส่วนที่เหลือคือการรดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ยชีวภาพ น้ำหมักและหมั่นดูแลโรคแมลงรบกวนในช่วงที่มีฝนตกหนัก 
ซึ่งทุกวันนี้โกหลียังคงรักในอาชีพการปลูกกุยช่างเพราะมีรายได้ที่ดี ไม่ต้องรบกวนลูกหลาน ทั้งยังชอบตัดกุยช่ายมาผัดบะหมี่กินกันในครอบครัว โดยมีลูกหลานช่วยทำน้ำจิ้มสูตรเด็ดด้วย โดยโกหลีตั้งใจจะปลูกกุยช่ายทุกพื้นที่ว่างข้างบ้าน ทั้งลงดิน ใส่กระถางและภาชนะต่างๆ
เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลขนมกุยช่าย และเทศกาลต่าง ๆ ของชาวไทยเชื้อสายจีน ซึ่งกุยช่ายของโกหลี ไม่เหม็นเขียว ไม่มีกลิ่นฉุน ต้นอวบ ยาวใหญ่จึงได้ราคาดี และตั้งใจจะปลูกไปจนกว่าตัวเองจะทำไม่ไหวเพราะอายุ 76 ปีแล้วยังมีรายได้กว่า 10,000 บาทต่อเดือน
ถือว่านอนยิ้มได้อย่างสบาย และทุกวันนี้โกหลียังขับรถจักรยานยนต์ไปส่งลูกค้าถึงในตลาดทุกวัน แม้ลูกหลานจะห้ามแล้วก็ไม่ฟัง โดยอ้างว่าจะได้ไปพบปะกับเพื่อนๆ ในวัยเดียวกันและสร้างสัมพันธ์กับแม่ค้าเพื่อจะได้หาตลาดขายกุยช่ายเพิ่มอีกทางหนึ่งด้วย
นายวิโรจน์ รัตนปราโมทย์ (โกหลี) กล่าวว่า ตอนแรกก็ไปขอพันธุ์จากเพื่อนมาปลูกก่อนจะขยายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งนำไปส่งขายให้กับแม่ค้าในตลาดอำเภอย่านตาขาวกิโลกรัมละ 25 บาท แต่ตอนนี้หลายปีผ่านไปขายกิโลกรัมละ 50 บาทแล้ว
ใช้ผัดหมี่ ทำขนมและจะขายดีในช่วงนี้คือช่วงเทศกาลปีใหม่ ตอนนี้รายได้ตกอยู่ที่วันละ 400 กว่าบาทหรือเดือนละ 10,000-12,000 บาท สามารถนำไปใช้จ่ายได้สบายตลอดทั้งเดือน โดยใช้เวลาปลูกเดือนกว่า ๆ ก็เก็บขายได้ในราคากิโลกรัมละ 50 บาท.
