แม่ค้าขนมอ่วมหากขึ้นราคาลูกค้าก็หนีอยากให้ทางรัฐบาลแก้ไขน้ำตาลขึ้นราคาเดือดร้อนกันถ้วนหน้าอยากฝากถึงนายกรัฐมนตรีในเรื่องเงินดิจิตัลทำไมไม่แจกเงินสดคนธรรมดารับรองใช้ไม่เป็นแน่เพราะยุ่งยากและขอร้องอย่ามัวแต่ทะเลาะกันหันมาดูประชาชนแล้วช่วยเหลือกันจริงๆจังๆเสียที
เวลา 07.00 น.วันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 นางสาววัลภา จันจินดา อายุ 47 ปี เจ้าของร้านโอเล่ย์ขนมไทย ซึ่งขายอยู่หน้าทางเข้าตลาดสดเทศบาลเมืองอุทัยธานี ขายมากว่า 25 ปีแล้วโดยมีขนมหลากหลายให้เลือก เช่นเมล็ดขนุน ฝอยทอง ทองหยิบ หม้อแกง ขนมชั้น รวมไปถึงผลไม้เชื่อมต่าง ๆ ได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่าในตอนนี้นั้นต้องจำทนแบบภาระไว้ในเรื่องข้าวของที่นำมาทำขนมขึ้นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นแป้ง ที่ใช้ทำขนม รวมถึงผลไม้ต่าง ๆ ที่นำมาประกอบการทำผลไม้เชื่อมเช่น กล้วย มัน เผือกและรวมถึงบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ใส่ขนมเพื่อให้ดูสวยงามน่ารับประทานก็ยังขึ้นราคาเช่นกัน โดยขนมนั้นขายกล่องละ 10 บาทและกล่องใหญ่ 20 บาท จนตอนนี้ต้นทุนในการทำขนมนั้นสูงขึ้นและเมื่อวานก่อนนั้นทางรัฐบาลนั้นประกาศให้โรงงานน้ำตาลนั้นขึ้นราคาได้เพราะมีความเสี่ยงที่จะขาดทุนในตอนนี้มันจึงส่งผลให้น้ำตาลทรายจากเคยซื้ออยู่ที่กิโลกรัมละ 28 บาท แต่พอไปซื้ออีกทีน้ำตาลขึ้นมาอีกแล้วเป็นกิโลกรัมละ 30 บาทเลยซึ่งร้านของนางสาววัลภานั้นต้องใช้น้ำตาลเป็นส่วนประกอบหลักอยู่แล้วทำขนมมาขายก็ใช้น้ำตาลวันละ เกือบ 20 กิโลกรัมเข้าไปแล้วแต่ก็ขึ้นราคาขนมไม่ได้เพราะกลัวลูกค้าจะหนีหากจะลดการใส่น้ำตาลให้น้อยลงก็กลัวว่าขนมนั้นจะไม่อร่อยรสชาติจะเปลี่ยนแปลงอีกทำให้ไม่มีคนมาซื้อไปรับประทาน ในตอนนี้นั้นการขายของกำไรน้อยมากแต่หากจะหยุดขายก็มีอาชีพเดียวแล้วก็ขายมานานแล้วจนคนที่มาซื้อนั้นรู้จักกันหมดแล้วก็กลายเป็นขาประจำกันไปจึงมีความเกรงใจที่จะขึ้นราคานั่นเอง
ขณะเดียวกันทาง นางสาวสุดใจ เรืองการนาแม่ค้าขายผลไม้ เปิดเผยว่าการที่ทางรัฐบาลนำเงินดิจิตัลมาให้นั้นอยากเปลี่ยนเป็นให้เงินสดเลยเสียดีกว่า ไม่ต้องไปผ่านอะไรให้มันยุ่งยากคนธรรมดาและแม่ค้านั้นใช้ไม่เป็นแน่ซึ่งร้านค้าบอกเลยว่าไม่มีใครเข้าร่วมโครงการอย่างแน่นอนซึ่ง 3 ปีถึงจะได้เงินขคืนไม่ใช่ได้เงินทีเดียวเลยเมื่อไหร่มันทยอยให้ซึ่งเท่าที่อ่านดูไม่รู้ว่าจะเข้าใจผิดเหรือเปล่าภายใน 3 ปีถึงจะได้เงินคืนซึ่งจะทยอยเข้ามาให้เราซึ่งแม่ค่าบางคนก็ไม่ได้มีเงินเก็บอะไรเยอะซึ่งก็ต้องใช้หมุนไปเรื่อยและในตอนนี้บรรดาแม่ค้านั้นเดือดร้อนกันอีกครั้งในเรื่องของขึ้นมากซึ่งในตอนนี้ของก็ขายไม่ดีทางรัฐบาลนั้นช่วยบ้างในเรื่องนี้เลิกทะเลาะกันเสียทีเถอะหันมาดูแม่ค้าและคนรากหญ้าบ้างเดือดร้อนตามๆกันไปและขออย่าทะเลาะกันนักเลยและขอให้ทำงานกันบ้างเถอะหันมาดูแลประชาชนก่อนหน้านั้นก็บอกว่าทำเพื่อประชาชนแต่ไม่เห็นทำสักทีเลย จากที่เลือกตั้งมาซึ่งแต่ละโครงการที่จัดทำขึ้นมานั้นประชาชนก็รับกรรมไป ซึ่งล่าสุดน้ำตาลก็มาขึ้นราคาอีกแล้วซึ่งเวลาใช้ก็ไม่ได้ซื้อกิโลเดียวได้เพราะต้องใช้เยอะซึ่งต้องมีต้นทุนเพิ่มกันไปสำหรับแม่ค้าทั้งหลายในพื้นที่เทศบาลเมืองอุทัยธานี
